นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายภัทรพล ลิ้มภักดี รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้เข้าร่วมประชุมหารือ ความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น ร่วมกับ นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว นางสาวเพ็ญโสม เลิศสิทธิชัย รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ณ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.)

สำหรับการหารือในครั้งนี้สืบเนื่องจากในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการจะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม 2568 ซึ่งจะเข้าพบนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่น โดยในปี 2570 จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 140 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศจึงได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือแนวทางส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่นให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรม เห็นพ้องร่วมกันที่จะนำประเด็นที่อยู่ภายใต้จัดการประชุมกลไกการหารือไทย-ญี่ปุ่นว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานและอุตสาหกรรม (Energy and Industry Dialogue: EID) ซึ่งได้มีการประชุมฯ ครั้งที่ 1 เมื่อปลายเดือนเมษายน ณ กรุงเทพฯ เป็นวาระสำคัญ

โดยมีประเด็นสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรมในการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานแห่งอนาคต และสังคมคาร์บอนต่ำ ได้แก่ 1.การส่งเสริมแนวทางที่หลากหลาย (Promotion of Multi-Pathway) 2.การส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Promotion of Circular Economy) และ 3.การดูแลรักษาและพัฒนาห่วงโซ่อุปทานและทรัพยากรบุคคลให้สามารถแข่งขันได้ รวมถึงการสนับสนุน SMEs โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel และ Ethanol) การส่งเสริมการจัดการรถยนต์ใช้แล้ว การกำหนด Product Champion ในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่เพื่อดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติมจากญี่ปุ่นนอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ขอความอนุเคราะห์จากกระทรวงการต่างประเทศ ในการสนับสนุนการพิจารณาจัดตั้งสำนักงานที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ได้แก่ สำนักงานที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยการจัดตั้งสำนักงานดังกล่าวจะมีการดำเนินภารกิจสำคัญ โดยเฉพาะการตรวจสอบสินค้าส่งออกมายังประเทศไทยที่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้า และมาตรฐานกระบวนการผลิตสินค้า ณ โรงงานประเทศต้นทาง

ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศ จะได้นำประเด็นต่างๆที่ได้หารือในครั้งนี้ ไปพิจารณาเตรียมการเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี และการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

-033