นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนมิถุนายน 2568 เท่ากับ 100.42 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567ซึ่งเท่ากับ 100.67 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.25 %(YoY)ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง และค่ากระแสไฟฟ้า ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดหลายรายการโดยเฉพาะไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด ลดลงค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี ยังมีสินค้าอาหารบางรายการที่มีราคาสูงขึ้น อาทิ เนื้อสุกร และอาหารสำเร็จรูป สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนพฤษภาคม 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.57% (YoY) อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 6 จาก 137 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม สปป.ลาว)
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้น 1.06 %(YoY) ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม 2568 ที่สูงขึ้น 1.09% (YoY)
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนมิถุนายน 2568 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2568 สูงขึ้น 0.02 %(MoM)ตามการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 0.07% (MoM) จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญกลุ่มผักสด (ผักชี ต้นหอม ผักคะน้า พริกสด ผักกาดขาว) เนื่องจากมีฝนตกหนักในพื้นที่เพาะปลูก ส่งผลให้ผลผลิตเสียหายและออกสู่ตลาดลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคยังมีอย่างต่อเนื่อง กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง) กะทิสำเร็จรูป และกาแฟผงสำเร็จรูป ตามต้นทุนราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีสินค้าที่ราคาปรับลดลง อาทิ ผลไม้สด (ทุเรียน เงาะ มังคุด ส้มเขียวหวาน แก้วมังกร) จากปัจจัยฤดูกาลที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก รวมถึงน้ำมันพืช ข้าวสารเจ้า และกระเทียม ราคาปรับลดลงเช่นกัน สำหรับหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ดัชนีราคาผู้บริโภคไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีสินค้าสำคัญที่ราคาปรับสูงขึ้น อาทิ แก๊สโซฮอล์ ค่าเช่าบ้าน และของใช้ส่วนบุคคลบางชนิด (น้ำยาระงับกลิ่นกาย ครีมนวดผม แชมพู) ขณะที่มีสินค้าที่ราคาปรับลดลง อาทิ สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาถูพื้น น้ำยาปรับผ้านุ่ม) และของใช้ส่วนบุคคลบางชนิด (โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน ผ้าอนามัย น้ำยาบ้วนปาก) และเสื้อยืดบุรุษและสตรี
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2567 ลดลง 0.35% (YoY) และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ลดลง 0.17% (QoQ) ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเฉลี่ย 6 เดือน (มกราคม – มิถุนายน) ของปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 สูงขึ้น 0.37% (AoA)
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาสที่ 3 ปี 2568 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 2 ปี 2568 มีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่ (1) ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง (2) ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2568 ลง 17 สตางค์ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย
(3) ฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะที่ในปี 2568 สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ทำให้ผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น (4) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
นายพูนพงษ์กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกรกฎาคมยังมีโอกาสติดลบต่อเนื่อง และในไตรมาส 3/68 ยังคาดว่าจะติดลบใกล้เคียงกับไตรมาส 2/68 เฉลี่ยอยู่ที่ -0.35% แต่จะเริ่มเห็นพลิกกลับเป็นบวกในช่วงไตรมาส 4/68แต่แม้ว่าเงินเฟ้อจะติดลบต่อเนื่องกัน 3 เดือน ยังยืนยันว่าไม่ใช่ภาวะเงินฝืด เพราะมาจากปัจจัยราคาพลังงานในปีนี้ที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนเป็นสำคัญ
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0 %(ค่ากลาง 0.5%) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี