นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตนได้เป็นวิทยากรบรรยายใน 2 เวทีได้แก่ การประชุม International CSR & Sustainability Summit (ICS 2025) จัดโดย Enterprise Asia เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน และหลักสูตร Sustainable & Green Industrial Leadership (SGIL) รุ่นที่ 1 จัดโดยสถาบันวิทยาการอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม สะท้อนบทบาทของกลุ่มบริษัทบางจากในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านธุรกิจพลังงาน และเสริมสร้างแนวคิดฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมอย่างยั่งยืน

โดยบนเวที ICS 2025 นางกลอยตา ได้รับเชิญให้บรรยายในฐานะวิทยากรหลัก (Keynote Speaker) ในหัวข้อ “From Sustainability to Regeneration: Leading the Green Transition” นำเสนอการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่อนาคตที่สมดุลและยั่งยืน ผ่านแบรนด์ไอเดีย “Greenovate to Regenerate - สมดุลธรรมชาติ สรรค์พลังไม่สิ้นสุด” ซึ่งเป็นการต่อยอดจากแนวคิดความยั่งยืน (Sustainability) ไปสู่การฟื้นฟู (Regeneration) โดยยกตัวอย่างรูปธรรมของการเปลี่ยนผ่านที่กลุ่มบริษัทบางจากขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การแปรรูปน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็นไบโอดีเซล และต่อยอดสู่น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ภายใต้โครงการ “ทอดไม่ทิ้ง”

การพัฒนา Greenovative Destination ซึ่งเป็นสถานีบริการที่ยกระดับเป็นจุดหมายปลายทางของผู้คนทุกรุ่น ทุกเพศ ทุกวัย ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างคุณค่าและโอกาสร่วมกับชุมชน เช่น ปั๊มชุมชนหรือสถานีบริการสหกรณ์การเกษตร การก่อตั้งเครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในสหกรณ์ การสนับสนุนสินค้าชุมชน การสร้างงานและธุรกิจเพื่อสังคมรอบพื้นที่ปฏิบัติงาน ไปจนถึงการฟื้นฟูธรรมชาติและระบบนิเวศ เช่น ศูนย์เพาะเลี้ยงหญ้าทะเลที่ศรีราชาและเกาะหมาก รวมทั้งการสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ผ่าน Carbon Markets Club ซึ่งบางจากฯ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง เพื่อผลักดันตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจที่โปร่งใส เชื่อถือได้ และเชื่อมโยงสู่กรอบ ASEAN Common Carbon Framework

ขณะที่ในการอบรมหลักสูตร SGIL  ได้บรรยายในหัวข้อ “ลดคาร์บอน เพิ่มโอกาส: ปรับอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต” ซึ่งนอกจากจะแบ่งปันประสบการณ์การเปลี่ยนผ่านของกลุ่มบริษัทบางจากและบทบาทในการขับเคลื่อน Carbon Markets Club แล้ว ยังเน้นถึง “โอกาสใหม่” ของภาคอุตสาหกรรมไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ไม่ใช่เพียงเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน โดยนำเสนอแนวทางที่สามารถลงมือทำได้จริง เช่น การเริ่มต้นจากการตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การเข้าถึงเครื่องมือสนับสนุนจากภาครัฐและสถาบันการเงิน เช่น การยกเว้นภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับโครงการสีเขียว หรือกองทุนสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินตามหลักสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) การชวนผู้จัดหาวัตถุดิบและคู่ค้าทางธุรกิจให้เข้าร่วมพัฒนาตามมาตรฐานด้านความยั่งยืน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก

นางกลอยตา กล่าวว่า ความยั่งยืนอาจไม่เพียงพออีกต่อไปในโลกปัจจุบันที่เผชิญกับวิกฤตหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ทรัพยากรที่เสื่อมโทรม และความเหลื่อมล้ำที่ทวีความรุนแรงขึ้น สิ่งที่จำเป็น
คือธุรกิจที่ไม่เพียงลดผลกระทบ แต่ต้องฟื้นฟู และให้คืนมากกว่าที่เราใช้ พร้อมทั้งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ที่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน” พร้อมเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างระบบที่เติบโตไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแค่ยั่งยืน แต่สามารถคืนคุณค่ากลับสู่โลกอย่างแท้จริง

-031