วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
หมูไทยเจ๊งแสนล้าน หากเปิดให้สหรัฐเข้ามาตีตลาด

หมูไทยเจ๊งแสนล้าน หากเปิดให้สหรัฐเข้ามาตีตลาด

วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 07.38 น.
Tag : ไทย ภาษีนำเข้าตอบโต้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สหรัฐฯ หมู Reciprocaltariff
  •  

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า เนื้อหมูและเครื่องใน อาจตกเป็นหนึ่งในข้อเจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนภาษีทรัมป์ที่ไทยโดน 36% เนื้อหมูและเครื่องในเป็นหนึ่งในรายการสินค้าเกษตรอันดับต้นๆที่ถูกนำมาใช้ต่อรองเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หลังจากในวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 สหรัฐฯได้ประกาศใช้อัตราภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ฉบับใหม่ โดยไทยโดนเก็บ 36% มีผลบังคับใช้ 1 สิงหาคม 2568

สหรัฐฯมีแนวโน้มกดดันให้ไทยนำเข้าเนื้อหมูและเครื่องในที่ Made in USA เนื่องจากเป็นรายการสินค้าเกษตรเข้าข่ายที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative: USTR) ได้ประเมินไว้ให้ไทยต้องเปิดตลาดและเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯมากขึ้น ด้วยเหตุที่ไทยเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้จากสหรัฐฯสูง ในขณะที่ไทยนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯในสัดส่วนน้อย


ขณะที่ปัจจุบันศักยภาพการผลิตหมูไทยแข่งขันกับหมูสหรัฐฯได้ยากในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของผู้ผลิตสหรัฐเป็นผู้ผลิตอันดับ3ของโลกคิดเป็น 12.6 ล้านตันหรือ 11% ของผลผลิตหมูทั้งโลก ขณะที่ไทยผลิตได้น้อยกว่าสหรัฐฯถึง 8 เท่า หรือผลิตได้ราว 1.6 ล้านตัน สหรัฐฯเป็นผู้ส่งออกอันดับ1 ของโลก คิดเป็น 3.2 ล้านตัน หรือ 31% ของปริมาณส่งออกหมูทั้งโลก ขณะที่ไทยส่งออกน้อยมากโดยใช้ในประเทศเป็นหลัก

ส่วนสหรัฐฯมีความพร้อมด้านวัตถุดิบราคาถูกทั้งข้าวโพดและถั่วเหลืองที่สหรัฐฯผลิตเองได้มาก แต่ไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารสัตว์ โดยเฉพาะข้าวโพดและถั่วเหลือง สหรัฐฯมีฟาร์มขนาดใหญ่มีหมูมากกว่า 5,000 ตัวต่อฟาร์ม และส่วนใหญ่เป็น Factory Farm สัดส่วนการผลิตหมูที่ได้จากฟาร์มกว่า 90% มาจากฟาร์มขนาดใหญ่ ขณะที่ไทยเป็นฟาร์มขนาดเล็กมีหมูมากกว่า 50 ตัวต่อฟาร์ม และส่วนใหญ่เป็นฟาร์มแบบดั่งเดิม และมีสัดส่วนการผลิตหมูกว่า 75% มาจากฟาร์มขนาดกลางและใหญ่ สหรัฐฯมีการผลิตมากกว่าความต้องการบริโภค 1.27 เท่า ขณะที่ไทยมีผลิตเพียงพอกับการบริโภคในประเทศและพึ่งพาตัวเองได้ดี

หมูสหรัฐฯมีความโดดเด่นในด้านการผลิตระดับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าไทย ราคาขายหมูไทยแพงกว่าหมูสหรัฐฯกว่า 1.3 เท่า ศักยภาพหมูสหรัฐฯที่แข็งแกร่งและมีต้นทุนการผลิตต่ำ ทำให้สหรัฐฯสามารถขายหมูได้ในราคาต่ำ โดยในช่วงปี 2563-2567 ราคาขายหมูสหรัฐฯเฉลี่ยที่ 1.7 ดอลลาร์ฯต่อกก. ขณะที่ราคาขายหมูไทยเฉลี่ยที่ 2.3 ดอลลาร์ฯต่อกก.

หากไทยยอมเปิดตลาดให้หมูสหรัฐฯเข้ามาตีตลาด จะส่งผลกระทบทั้งห่วงโซ่อุปทานหมูไทย เนื้อหมูและเครื่องในราคาถูกจากสหรัฐฯที่จะทะลักเข้ามายังไทย จะกระทบต่ออุตสาหกรรมหมูไทยที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ (Local Content) เป็นหลัก ซึ่งแต่ละผู้เล่นต่างมีความเชื่อมโยงและจะกระทบต่อเนื่องกันเป็น Domino Effect ดังนี้

1.เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู จำนวน 1.49 แสนราย ที่เกือบทั้งหมดเป็นรายย่อยกว่า 97% จะได้รับผลกระทบโดยตรงให้ว่างงานและขาดรายได้ ซ้ำเติมเดิมที่ผู้เลี้ยงลดลงไปแล้วกว่า 21% ในช่วงปี 2564-2567 จากภาวะขาดทุนสะสมจนต้องเลิกกิจการไป

2.เกษตรกรผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์อย่างรำสด ข้าวโพด ปลายข้าว (วัตถุดิบหลักในประเทศที่ใช้เลี้ยงหมู) รวมราว 5 ล้านครัวเรือน จะมีผลผลิตเหลือ และกดดันราคาให้ตกต่ำ กระทบรายได้เกษตรกรกลุ่มนี้ให้ลดลง

3.โรงชำแหละ อาจถูกตัดวงจรขั้นตอนนี้ไป จนต้องเลิกกิจการในที่สุด

4.เขียงหมู ถูกกดดันรายได้บางส่วนจากเนื้อหมูและเครื่องในหมูสหรัฐฯที่ทำการแยกชิ้นส่วนสำเร็จพร้อมบริโภคมาบ้างแล้ว

5.มูลค่าตลาดเนื้อหมูไทยคาดสูญเสียเบื้องต้นราว 112,330 ล้านบาท ในกรณีที่ไทยเปิดตลาดให้เนื้อหมูสหรัฐฯเข้ามาอย่างเสรี 100% ทั้งนี้การประเมินดังกล่าวยังไม่นับรวมความสูญเสียในกรณีที่ไทยนำเข้าเครื่องในหมูด้วย

6.ผู้บริโภคและร้านอาหาร แม้จะสามารถซื้อเนื้อหมูและเครื่องในหมูสหรัฐฯได้ในราคาถูก ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตอาหารได้ แต่ในระยะยาวสารเร่งเนื้อแดงในหมูสหรัฐฯ จะทำให้ผู้บริโภคอาจเกิดอาการข้างเคียงต่อสุขภาพได้หลากหลาย

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ค่าเงินบาทประจำวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ค่าเงินบาทประจำวันที่ 9 กรกฎาคม 2568
  • ใครขึ้น ใครลด? สหรัฐฯ ปรับภาษีใหม่ มีผล 1 ส.ค. นี้ ใครขึ้น ใครลด? สหรัฐฯ ปรับภาษีใหม่ มีผล 1 ส.ค. นี้
  • ค่าเงินบาท ประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ค่าเงินบาท ประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2568
  • KResearch ชี้ภาษี reciprocal 20% ฉุดจีดีพีเวียดนามครึ่งปีหลังโตชะลอ KResearch ชี้ภาษี reciprocal 20% ฉุดจีดีพีเวียดนามครึ่งปีหลังโตชะลอ
  • ค่าเงินบาท ประจำวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ค่าเงินบาท ประจำวันที่ 7 กรกฎาคม 2568
  • นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นกว่า 8.25 หมื่นล้าน นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นกว่า 8.25 หมื่นล้าน
  •  

Breaking News

'บิ๊กเล็ก' ตั้ง 12 กุนซือกลาโหม 'บิ๊กเดฟ'อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมทีม-'ศักดา'นั่งหัวหน้าสำนักงาน

'นัสเมียโชค'ทัวร์ลงหนัก ปมแซะ'นิ้ง โสภิดา' สุดท้ายต้องรัวคำขอโทษ!

'ดร.ดิเรกฤทธิ์'คาดหวัง'ศาลฎีกา-ศาล รธน.' ชี้ชะตาประเทศ 'สันติสุขหรือลุกเป็นไฟ'

แฟนหนังดังเดือด! ทัวร์ลงสนั่นไอจี'เอม สรรเพชญ์' ลุกลามหนักด่าถึง'คุณพ่อดู๋ สัญญา'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved