นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ส.อ.ท. โดยนายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. และประธานสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) ได้หารือร่วมกับ นายกิตติวัฒน์ ปัจฉิมนันท์ รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เพื่อผลักดันการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้กับผู้ประกอบการภาคการผลิต
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้เสนอประเด็นปัญหาจากสมาชิก ซึ่งได้รวบรวมทั้งจากกลุ่มอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ที่เกี่ยวข้องกับการขอจดการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาประเภทต่างๆ อาทิ ปัญหาขั้นตอนการยื่นขอจดทรัพย์สินทางปัญญา, ระยะเวลาการตรวจสอบและอนุมัติ, การละเมิดและลอกเลียน และการบังคับใช้สิทธิ์ รวมถึงช่องทางการแจ้งสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์, การสืบค้นข้อมูลก่อนยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญา, ระบบการตรวจสอบความคืบหน้าของการยื่นขอทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น
โดย ส.อ.ท.ได้นำเสนอข้อเสนอแนะ เพื่อส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้ยื่นขอการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาได้มากขึ้น ดังนี้
1.จัดอบรมหรือให้ความรู้เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาแก่ผู้ประกอบการภาคการผลิตให้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น โดยดำเนินการร่วมกับ ส.อ.ท.อย่างต่อเนื่อง และในรูปแบบที่เข้าใจง่ายต่อสมาชิก ส.อ.ท.
2.ปรับระบบสืบค้นข้อมูลด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้เข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน รวมถึงระบบการแจ้งเตือน/ติดตาม ความคืบหน้าการยื่นขอ
3.จัดทำคลินิกให้คำปรึกษาเรื่องการขอยื่นจดประเภทต่างๆ การกรอกข้อมูลในแบบคำขอให้สมบูรณ์ ปัญหาในการถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งการยื่นขอจดภายในประเทศและการยื่นขอจดในต่างประเทศ
4.จัดทำ Guidebook สำหรับสินค้าประเภทต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงประเภททรัพย์สินทางปัญญาที่ควรจด
5.เสนอให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา แสดงข้อมูลการยื่นขอจดทรัพย์สินทางปัญญาแต่ละประเภท โดยแยกรายอุตสาหกรรม และแยกสินค้าไทยหรือต่างประเทศ เพื่อทราบความเคลื่อนไหวของธุรกิจในแต่ละเดือน
ทั้งนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับข้อเสนอทั้งหมดเพื่อวางแผนการทำงาน ซึ่งหลังจากนี้จะได้มีการทำงานร่วมกันในแต่ละข้อเสนอต่อไปอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ส.อ.ท.ได้เข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศ เพื่อเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งในการประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงานของประเทศไทยในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD อย่างเป็นทางการ
โดยมีการหารือในหลายประเด็นสำคัญ อาทิ การจัดทำข้อตกลงเบื้องต้น (Initial Memorandum) ภายใต้การบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก บทบาทของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคส่วนต่างๆ และการจัดทำแผนประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชน เป็นต้น ซึ่งการเข้าร่วมประชุมของ ส.อ.ท.ในครั้งนี้ สะท้อนบทบาทสำคัญของภาคเอกชนในการสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานของประเทศให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ OECD และเชื่อมโยงการพัฒนาประเทศในหลายมิติสู่ระดับสากล
ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD และอยู่ระหว่างการจัดทำข้อตกลงเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อเสนอต่อ OECD และรับการประเมินทางเทคนิคเชิงลึกร่วมกับคณะกรรมการ OECD ต่อไป โดยประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายเข้าเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ภายในปี 2573 ทั้งนี้ประเทศสมาชิกของ OECD มีทั้งหมด 38 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่อเมริกาเหนือและใต้ ไปจนถึงยุโรป และเอเชียแปซิฟิก
โดยภารกิจหลักของ OECD คือ การปรับปรุงเศรษฐกิจโลกและส่งเสริมการค้าโลก เป็นทางออกสำหรับรัฐบาลของประเทศต่างๆในการทำงานร่วมกัน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการทำงานร่วมกับประเทศประชาธิปไตยที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันในการปรับปรุงเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชากร
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี