นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน ได้เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าว เพื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาโดยด่วน ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ โดยมีโครงการสำคัญ อาทิ การสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 โครงการประกันภัยข้าวนาปี รวมถึงมาตรการชดเชยไร่ละ 1,000 บาท สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้กระทรวงฯยังเร่งเจรจาขยายตลาดส่งออกข้าวกับจีน ซาอุดีอาระเบีย และญี่ปุ่น เพื่อช่วยดันราคาข้าวให้สูงขึ้น
ด้านนานปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวนากำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากข้าวเปลือกตกต่ำ เนื่องจากปี 2568 นี้ข้าวนาปรังผลผลิตออกมามาก ก็ขอให้ภาครัฐเร่งหาทางช่วยดูแลด่วน ชาวนาขายได้ต่ำกว่าต้นทุน ราคาข้าวเปลือกที่ชาวนาพอรับได้อยู่ที่ตันละ 8,000 บาท
อนึ่ง ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า ราคาข้าวเปลือกในช่วงเดือนมิถุนายน ความชื้นไม่เกิน 25% มีราคากว่า 5,000 บาทต่อตัน ซึ่งต่ำสุดในรอบ 17 ปี โดยสาเหตุก็มาจากอินเดียกลับมาส่งออก บวกกับสต็อกในประเทศมีจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้หยุดส่งออกเพราะประเทศขาดแคลน แต่หยุดส่งออกเพื่อให้ราคาข้าวในประเทศปรับตัวลง ประกอบกับการเมืองในประเทศที่ไม่แน่นอน ทำให้หยุดส่งออกไป 1 ปี และประเทศผู้นำเข้าก็ลดนำเข้าลง อย่างอินโดนีเซีย ก็แจ้งว่าในประเทศมีผลผลิตเพียงพอ เรียกว่าคนซื้อหาย ซัพพลายเพิ่ม จึงทำให้สถานการณ์ราคาข้าวตกต่ำมาอยู่ในราคาปัจจุบัน
แหล่งข่าวในวงการค้า กล่าวว่า การที่ราคาข้าวปรับตัวลง ก็ลำบากกันตั้งแต่ชาวนา โรงสี ส่งออก และผู้ซื้อข้าวสาร โดยเฉพาะหากมองมุมผู้ซื้อ วันนี้ซื้อข้าวสารจากไทยไปราคาเท่านี้ สมมติราคา 450 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เป็นราคาเอฟโอบี แล้วยังไม่ทันได้ส่งเรือมารับสินค้า ราคาปรับลงแล้ว และเรือมารับสินค้าไปกว่าจะถึงปลายทาง แล้วกว่าจะได้ขายข้าว ราคาก็ปรับลงไปอีก ก็เจอปัญหาแบกสต็อกข้าวต้นทุนแพง เช่นเดียวกับโรงสี ซื้อข้าวเข้ามาจากชาวนา ยังไม่ได้ขาย แต่ก็มีบางคนมาบอกว่าทำไมไม่ขายล่วงหน้า ก็อยากจะย้อนกลับไปว่าใครจะรู้ล่วงหน้าว่าราคาจะปรับลงเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นวิธีการจัดการก็ต้องซื้อวัตถุดิบก่อน แล้วก็ขาย และถ้ามาซื้อในช่วงวัตถุดิบที่ออกมามาก และคนซื้อก็ไม่ซื้อ ก็ต้องเข้าใจอยู่อย่างว่าเวลาราคาปรับตัวลง ผู้ซื้อไม่อยากซื้อของ เพราะคาดว่าราคาจะปรับตัวลงอีก ด้านผู้ซื้อก็จับตารอ ฝ่ายโรงสีก็จะขายข้าวไม่ได้ แต่ก็ต้องซื้อเผื่อเก็บไว้ ยกตัวอย่างราคาข้าวเปลือกกว่า 6,000 บาทต่อตัน ราคาก็มากถูกแล้วและไม่คิดว่าราคาจะถูกไปกว่านี้ ก็ซื้อเก็บไว้เยอะ แต่เพิ่งจะมาเทขายข้าวสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงทำให้ผู้ส่งออกกำหนดราคารับซื้อกว่า 5,000 บาทต่อตัน และมีคนขาย ทำให้ตลาดเสียไปเรียบร้อยแล้ว
ด้าน นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ ที่ปรึกษาสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ราคาข้าวเป็นราคาตามตลาดโลก ยังซื้อขายอยู่ที่ ราคาข้าวสาร (เอฟโอบี) ราคา 416 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ส่วนข้าวอินเดีย ราคาต่ำกว่าไม่เกิน 10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ต่างจากในอดีต ข้าวไทยแพงกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และปี 2568 นี้อินเดียก็กลับมาส่งออกปกติ เพียงแต่ราคาข้าวตกลงมาจากที่สูง ปรับลงมาอยู่ในฐานสภาวะปกติ ราคาใกล้เคียงในอดีต จึงทำให้ดูเหมือนราคาลงรุนแรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี