ผู้สื่อรายงานข่าวว่า ขณะนี้ภาคธุรกิจในทุกเซ็กเตอร์และนักเศรษฐศาสตร์กำลังจับตามองผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวานนี้(13 ส.ค.2568) ว่าจะมีการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงหรือไม่ จากระดับ 1.75% ในระดับปัจจุบัน เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าด้วยสภาพของธุรกิจที่สภาพคล่องเริ่มตึงตัว กำลังซื้อของภาคประชาชนเริ่มอ่อนแรง ภาวะหนี้สินของภาคธุรกิจและครัวเรือนในระดับสูง ประกอบกับไม่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรจะแนวนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายขึ้นทั้งนี้ความเห็นจากนักเศรษฐศาสตร์ที่เป็นนักการเงินการธนาคารต่างก็มองว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญปัจจุบัน กนง.ควรลดดอกเบี้ย เพราะมองว่า ปัจจัยเอื้อให้ “ลดดอกเบี้ย” มีค่อนข้างมาก ทั้งเศรษฐกิจไทยที่ต่ำกว่าศักยภาพ ท่องเที่ยวหาย การบริโภคในประเทศหดตัว เงินเฟ้อติดลบ เงินบาทแข็งค่า ดังนั้นควรเห็นนโยบายการเงิน “ลดลงได้” และการส่งผ่านนโยบายการเงินไปสู่ภาคธนาคาร มองว่าเป็นประเด็นสำคัญ
ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างช้า เศรษฐกิจไม่ได้ฟื้นตัวแข็งแกร่งตามที่คาดหวัง ทำให้ขาดแรงส่งที่จำเป็น อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ บ่งชี้ว่ายังไม่มีแรงกดดันด้านราคาประกอบกับความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อและอยู่ในระดับสูง เหล่านี้สร้างความลังเลให้กับภาคธุรกิจและผู้บริโภคในการตัดสินใจ ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่า กระทบเชิงลบต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อพิจารณาปัจจัยทั้งหมด แทบไม่มีปัจจัยใดที่สนับสนุนการ “คงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับสูงอีกต่อไป” ดังนั้น มองมีโอกาส กนง.จะ “ลดดอกเบี้ย” ได้ในรอบการประชุมครั้งนี้ เพราะการลดดอกเบี้ยท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่น และป้องกันไม่ให้ภาพรวมที่กำลังแย่อยู่แล้วกลับยิ่งแย่หนักลงไปอีก
ทั้งนี้หาก กนง. ไม่ลดดอกเบี้ยครั้งนี้มองว่า โอกาสที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือมีต่อเนื่อง แต่ทำให้มีความจำเป็นที่ต้องลดดอกเบี้ยสองครั้งติดทั้งเดือนต.ค. และธ.ค. และอาจต้องลดต่อเนื่องถึงปีหน้า เพื่อใหม่มีแรงส่งเศรษฐกิจต่อเนื่อง และอาจเห็นจุดสิ้นสุดของดอกเบี้ยนโยบายไม่จบแค่ที่ 1.25% จากที่คาดการณ์ไว้แต่เดิม แต่ดอกเบี้ยอาจลดลงไปจนถึงระดับที่ 1.0% ได้ ซึ่งสถานการณ์นี้ ไม่ใช่เป็นภาพที่ดี บ่งชี้ว่า แรงส่งเศรษฐกิจขาดหายไปมาก จำเป็นต้องใช้อัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงเพื่อเสริมสภาพคล่องและให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่เศรษฐกิจ และการที่ธปท.คาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ลงไปที่ 1.7% ตอกย้ำถึงความจำเป็นต้องมีแรงส่งจากนโยบายเพิ่มเติม โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกของปีหน้าหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว
ด้านนายยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) กล่าวว่า ทิศทางนโยบายการเงินมีโอกาสเป็นขาลงต่อ เพราะภาวะการเงินช่วงนี้ยังค่อนข้างตึงตัว หากพิจารณาจากเครื่องชี้ทางการเงินต่างๆ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงยังคงสูงขึ้น แม้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75% แต่เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มติดลบ และกำลังติดลบเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงสูงขึ้นและตึงตัวขึ้น ขณะเดียวกันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมาก แข็งค่าขึ้น 11% เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะสูงที่สุดในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริง (NEER) หรือตะกร้าเงินกลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนวิกฤติปี 2540 แล้ว
ด้านนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า มีความคาดหวังกนง.รอบนี้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีปัจจัยกดดันมากมายทั้งภายในและภายนอก คงหลีกเลี่ยงไม่ได้และน่าจะถึงเวลาที่ต้องปรับลดลงแล้ว เช่นนั้นจะทำให้ภาคธุรกิจไม่มีต้นทุนการเงินมากพอที่จะไปสู้กับผลกระทบและการขีดแข่งขันจากการเก็บภาษีสหรัฐ 19%ได้ และการลดอัตราดอกเบี้ยถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับรัฐบาลที่ต้องการให้ปรับลดลงเช่นกัน เพื่อลดภาระหนี้และต้นทุนการเงินของภาคธุรกิจ แต่การปรับลดถ้าจะให้เกิดผลได้จริง ต้องได้ความร่วมมือจากแบงก์รัฐและแบงก์พาณิชย์ที่ลดดอกเบี้ยลงอย่างแท้จริงและลดในทันที
“มองว่าการลดดอกเบี้ยจะส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นและอสังหาฯ เพราะคนที่มีกำลังซื้อหรือมีเงิน เมื่อดอกเบี้ยเงินฝากลดลง อาจจะมีการโยกเงินมาลงทุนซื้อหุ้นหรืออสังหาฯ ซึ่งตอนนี้ตลาดอสังหาฯกำลังซื้อใหม่ไม่ค่อยมี เพราะแบงก์ไม่ปล่อยกู้ หากดอกเบี้ยมีทิศทางที่ลดลง น่าจะจูงใจกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุน ดังนั้นในมุมของธุรกิจการลดดอกเบี้ยช่วงนี้ น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสม” นายพรนริศ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี