นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจปีนี้มีแนวโน้มชะลอลง เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ภาระหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่สูง, สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ, การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ระหว่างประเทศ เช่น นโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบการส่งออก, สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ส่งผลให้ธุรกิจบัตรเครดิตมีแนวโน้มหดตัวลง อีกทั้งสถาบันการเงินมีแนวโน้มเพิ่มความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อควบคุมความเสี่ยง ขณะที่ผู้บริโภคหลายกลุ่มเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายจากความกังวลเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว
นายอธิป ศิลป์พจีการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส และประธานชมรมสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่าจากสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงและภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงส่งผลให้ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้สินเชื่อมากขึ้นและต้องการลดภาระการใช้สินเชื่อในสถานการณ์ความไม่แน่นอนจึงส่งผลให้มีการใช้สินเชื่อที่ลดลง ขณะที่ผู้ประกอบการก็ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ควบคู่กับมาตรการการควบคุมของหน่วยงานภาครัฐ ส่งผลให้ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ลดลง จึงเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการในการปล่อยสินเชื่อในสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ข้อมูลจากพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรีคอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล อันประกอบไปด้วย บัตรเครดิต กรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเครดิตโลตัส ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2568 ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มรายได้สูง (Affluent & Super Affluent) ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก สร้างยอดใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 40% ของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งหมด
ในครึ่งปีแรกของปี 2568 ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มรายได้ปานกลาง (Mass) และรายได้สูง (Affluent & Super Affluent) ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชะลอการใช้จ่ายมากขึ้น ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ลดการใช้จ่ายในหมวดฟุ่มเฟือย เช่น สินค้าแฟชั่น, ตกแต่งบ้าน, สุขภาพและความงามผู้บริโภคหันมาเลือกผ่อนชำระมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 หมวดหลัก ได้แก่ ช้อปออนไลน์, ประกัน, ตกแต่งยานยนต์
หมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุด 5 อันดับแรก เรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ประกันภัย 2. ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ 3. ปั๊มน้ำมัน 4. สินค้าตกแต่งบ้าน และ 5. ช้อปออนไลน์ หมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุด 5 อันดับแรก เรียงตามอัตราการเติบโต ได้แก่ 1. กองทุนรวม 2. แอปเดลิเวอรี 3. โซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชัน 4. ตัวแทนท่องเที่ยว และ 5. อุปกรณ์กีฬาและฟิตเนส
จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในตลาดอาจยังไม่ฟื้นตัว ผู้บริโภคระมัดระวังมากขึ้นลดหรือชะลอการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย เน้นการใช้จ่ายในหมวดที่จำเป็นและการวางแผนระยะยาวมากขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลเติบโตช้า
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2568 ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในภาพรวมนับว่ายังเติบโตดีกว่าตลาดทั้งในแง่ของจำนวนบัตรและยอดใช้จ่ายผ่านบัตร โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 191,400 ล้านบาท, ยอดสินเชื่อใหม่ 45,400 ล้านบาท, ยอดสินเชื่อคงค้าง 136,000 ล้านบาท และยอดบัญชีลูกค้าใหม่ 273,700 บัญชี ขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน อยู่ที่ระดับ 1.2% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.3% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจจากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม
จากปัจจัยท้าทายในครึ่งปีหลังกรุงศรี คอนซูมเมอร์ต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสภาวะตลาด เน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาระดับผลการดำเนินงาน มุ่งสร้างความเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยนำการวิเคราะห์ข้อมูลและเทคโนโลยี AI มาใช้ในการทำการตลาดเพื่อให้เข้าใจและเข้าถึงลูกค้า ยิ่งขึ้น, ปรับกลยุทธ์การตลาดและวิธีทำโปรโมชันโดยใช้ศักยภาพและเครือข่ายพันธมิตรของกลุ่มบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, พร้อมปรับจุดขายผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อให้มีจุดเด่นและสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรเป็นบัตรหลักในชีวิตประจำวันและเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตร รวมถึงขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี