นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 กลุ่มบริษัทฯมีรายได้ 5,401.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,263.6 ล้านบาท หรือ 72.1% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้ 3,137.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 211.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.7 ล้านบาท หรือ 109.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 100.8 ล้านบาท รับปัจจัยหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นทั้ง 3 สายธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์มดิบ และพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ รวมถึงมียอดขายยางแท่งตามมาตรฐาน EUDR เข้ามาเสริมโดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติอยู่ที่ 86% ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 13% และธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ 1%
สำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2568 มีรายได้ 11,068.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,229.2 ล้านบาท หรือ 61.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้6,839.2 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 387.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 223.3 ล้านบาท หรือ 135.9% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 164.2 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกเติบโตแข็งแกร่ง เนื่องจากธุรกิจยางได้รับแรงหนุนจากความต้องการยาง EUDR ที่ยังคงมีความต้องการต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจปาล์มได้รับปัจจัยบวกจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และผลผลิตปาล์มที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นตามฤดูกาล ส่วนครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยบวกจากหม้อนึ่งตัวใหม่ที่จะเริ่มเดินเครื่องได้อย่างเต็มที่มาเสริมอีก"
ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ ภายใต้การบริหารของไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ (TEBP) บริษัทย่อยTEGH ภาพรวมปีนี้คาดว่าจะเห็นรายได้และกำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด หลังโครงการขยายกำลังการผลิต Biogas zone 3.1 สามารถรับรู้รายได้อย่างเต็มที่จากการขายก๊าซชีวภาพให้กับ บริษัทโกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) ซึ่งผูกสัญญายาว 7 ปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท โดยเริ่มซื้อขายในไตรมาสที่ 4 ปี 2567
แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 มีทิศทางที่สดใสมีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยรับปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมียอดขายยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่เติบโตตามเป้าหมาย ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบยอดขายเพิ่มขึ้นและกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ ธุรกิจพลังงานทดแทนฯ ที่สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นจากการขยายกำลังการผลิตไปเมื่อปลายปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยังพร้อมเดินหน้านำบริษัทย่อยคือ บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ (TEBP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปลายปีนี้ ภายใต้วิสัยทัศน์ Leading Green Energy Revolution: Pioneering the Net Zero Solution เพื่อสร้างโอกาสเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้การส่งออกสินค้ายางแท่งไปยังสหรัฐฯ ไม่ได้รับผลกระทบทางตรงจากมาตรการขึ้นภาษี "Reciprocal Tariffs" ในอัตรา 19% แต่อย่างใด เนื่องจากยางแท่งอยู่ในรายชื่อสินค้าที่ได้รับการยกเว้น อีกทั้ง TEGH มีฐานลูกค้ากระจายตัวทั่วทุกทวีป รวมถึงยังมีอุปสงค์ของยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัททั้งในเชิงของปริมาณขายและอัตรากำไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี