นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน (High-Level Task Force on ASEAN Economic Integration: HLTF-EI) ได้ประชุมหารือในระดับนโยบาย ครั้งที่ 48 ระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 ณ เมืองกวนตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อพิจารณายุทธศาสตร์การรวมกลุ่มเศรษฐกิจของอาเซียนและจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเสนอต่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อกำหนดทิศทางให้สอดคล้องภูมิทัศน์การค้าโลกปัจจุบัน และลดผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกต่อการรวมกลุ่มของอาเซียน
นายเอกฉัตร กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจอาเซียนในปีนี้ เติบโตได้ดีแม้เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคจะอยู่ที่ร้อยละ 4.2 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของเศรษฐกิจโลกที่ร้อยละ 2.4 เป็นผลจากการใช้จ่ายภาครัฐในแต่ละประเทศสมาชิก การบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวของภาคการผลิตในบางประเทศที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานโลก และการเติบโตของการลงทุนทั้งจากภายนอกและภายในภูมิภาค รวมถึงอาเซียนได้จัดตั้งคณะทำงานด้านภูมิเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจ (ASEAN Geoeconomic Task Force: AGTF) เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และเสนอยุทธศาสตร์ของอาเซียนในการรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจต่างๆ
นอกจากนี้ อาเซียนเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการตอบสนองต่อสถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบัน เพื่อให้การค้าการลงทุนเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งเสริมการค้าในภูมิภาคผ่านการยกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ATIGA) การรักษาความเชื่อมโยงของห่วงโซ่การผลิตของอาเซียนกับตลาดโลก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในการดำเนินธุรกิจในภูมิภาค รวมทั้งการขยายความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับโลก อาทิ การยกระดับข้อตกลง FTA กับจีน ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เพิ่มบทบาทของความตกลง RCEP ที่เป็น FTAs ครอบคลุมตลาดถึง 15 ประเทศ ตลอดจนเร่งการเจรจา FTAs กับอินเดีย และแคนาดา ในขณะเดียวกัน จะต้องแสวงหาตลาดใหม่ อาทิ กลุ่มประเทศ GCC ซึ่งเตรียมเสนอแนะต่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในเดือนกันยายนนี้
“อาเซียนได้กำหนด “Quick Wins” ที่ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1-3 ปี (2569-2571) ภายใต้ยุทธศาสตร์ประชาคมเศรษฐกิจฉบับใหม่สำหรับช่วงปี 2569-2573 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภายใต้วิสัยทัศน์ฉบับใหม่ ปี 2588 เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาสำคัญ 9 เรื่อง อาทิ การปรับปรุงกระบวนการผ่านพิธีการศุลกากรและการเคลื่อนย้ายสินค้าให้รวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเงินทุนสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อม เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจและลดอุปสรรคทางการเงิน รวมถึงการสร้างความยืดหยุ่นทางการเงินในระบบเศรษฐกิจของภูมิภาค และการปรับปรุงกฎระเบียบด้านการลงทุนที่เข้มงวดเพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมการลงทุนที่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยจะมีการวัดผลและติดตามผลในรูปแบบใหม่ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่ตอบสนองต่อภาคเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น” นายเอกฉัตร เสริม
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี