นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2568 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ณ ธนาคารต้นไม้บ้านทุ่งจูด อ.ถ้ำพรรณรา เพื่อร่วมกันมอบวงเงินจดทะเบียนไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจให้แก่ นายสุมิตร ศรีวิสุทธิ์ เกษตรกรอำเภอถ้ำพรรณรา ที่ได้รับวงเงินสินเชื่อ 50,000 บาท (ราคาประเมิน 103,735 บาท) จากการนำไม้ยืนต้นที่ปลูกบนที่ดินของตนเอง จำนวน 137 ต้น ได้แก่ ต้นสักทอง 100 ต้น ต้นตะเคียนทอง 21 ต้น ต้นแดง 9 ต้น ต้นพะยูง 6 ต้น และ ต้นมะขาม 1 ต้น มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดยนายสุมิตรฯ ถือเป็นเกษตรกรรายแรกใน จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ภายใต้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ และได้รับการอนุมัติสินเชื่อในเวลาไม่นาน เป็นการเปิดประตูให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ SME ในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช ได้เห็นคุณค่าของไม้ยืนต้นที่สามารถนำมาแปรเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อนำไปต่อยอดลงทุนหรือใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องตัดต้นไม้ และเมื่อเวลาผ่านไปก็สามารถนำไม้ยืนต้นที่มีการเจริญเติบโตมาขอสินเชื่อเพิ่มเติมได้ตามมูลค่าต้นไม้ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมย์ของกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจที่ต้องการให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยใช้ทรัพย์สิน (ไม้ยืนต้น) ที่มีอยู่มาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อ ซึ่งจนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2568) มีเกษตรกร และ SME ทั่วประเทศนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว 170,026 ต้น (312 สัญญา) วงเงินรวม 186,122,768.04 บาท
นางอรมน กล่าวต่อว่า นอกจากการมอบวงเงินสินเชื่อแล้ว กรมฯ ยังได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ ‘ส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ’ แก่เกษตรกรใน อ.ถ้ำพรรณรา จำนวน 100 ราย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและส่งเสริมให้ปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเอง โดยกรมฯ ได้เชิญกูรูจาก ธ.ก.ส.มาให้ความรู้แก่เกษตรกร ได้แก่ 1) นายพัฒน์พงศ์ เนียมมีศรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาลูกค้าและชุมชน ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ มาให้ความรู้หัวข้อ การสาธิตการประเมินมูลค่าไม้ยืนต้น และ การกักเก็บคาร์บอนของต้นไม้ 2) นายกัมพล หวันสมาน พนักงานพัฒนาลูกค้าและชุมชน ระดับ 9 สำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ความรู้หัวข้อ โครงการธนาคารต้นไม้ และ การขอสินเชื่อโดยใช้ไม้ยืนต้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ร่วมบรรยายชี้แจงรายละเอียด พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 และ กฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกัน พ.ศ.2561 (ไม้ยืนต้น) แก่เกษตรกรด้วย
โครงการส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ถือเป็น 1 ในโครงการเรือธงที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น โดยปี 2568 กรมฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแก่เกษตรกรใน 4 นคร 4 ภูมิภาค ภายใต้ชื่อ ‘4 นคร ส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ’ ประกอบด้วย *ภาคเหนือ : จ.นครสวรรค์ * ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.นครพนม * ภาคกลาง : จ.นครนายก และ * ภาคใต้ : จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่เกษตรกรทั้ง 4 จังหวัด รวมกว่า 800 ราย ได้รับความรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของการปลูกไม้ยืนต้น และพร้อมนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ยามต้องการเงินลงทุนหรือนำไปใช้สอยในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญเกษตรกรพร้อมปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นมรดกแก่ลูกหลานและเป็นแหล่งออกซิเจนที่สำคัญของโลก หรือหากต้องการนำมาเป็นหลักประกันในอนาคตก็สามารถนำไม้ยืนต้นมาแปรเป็นเงินทุนได้ทันที
ทั้งนี้ กรมฯ ได้แถลงปิดทริป ‘4 นคร ส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ’ ณ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมร่วมเปิดศักราชใหม่แก่เกษตรกรชาวนครศรีธรรมราชที่ได้รับวงเงินสินเชื่อจากการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจรายแรกของจังหวัด นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะมีเกษตรกรรายอื่นๆ นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อภายใต้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและ SME ในจ.นครศรีธรรมราชให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ช่วยเสริมสภาพคล่อง และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจการเกษตร โดยทรัพย์สินนั้นยังคงอยู่กับตนเองเช่นเดิม สำหรับโครงการส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ในปี 2569 จะมีความพิเศษอย่างไร…ต้องรอติดตามกันต่อไป” นางอรมน กล่าว
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี