นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้การต้อนรับนายอาเบะ อิชิโระ(Mr. Abe Ichiro) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO Bangkok)พร้อมคณะกรรมการบริหารของหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) ในโอกาสเข้าพบเพื่อแนะนำตัวภายหลังเข้ารับตำแหน่งและรายงานสรุปผลการสำรวจดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นทางธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย ประจำครึ่งปีแรก พ.ศ. 2568
สำหรับการหารือครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างไทยกับญี่ปุ่นโดยประธาน JETRO และ JCCB ได้นำเสนอผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของการส่งออก ควบคู่กับความต้องการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ พร้อมคาดการณ์ว่าการลงทุนในโรงงานและเครื่องจักรจะขยายตัวต่อเนื่อง และตลาดส่งออกสำคัญยังคงเป็นอินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซียและสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังได้เสนอประเด็นที่ต้องการให้รัฐบาลไทยสนับสนุนอาทิการรักษาเสถียรภาพด้านการเงิน การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุนการควบคุมมลพิษทางอากาศ และการคุ้มครองผู้ประกอบการ SMEs จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
“ขอบคุณภาคเอกชนญี่ปุ่นที่ให้ความไว้วางใจประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตสำคัญและย้ำว่าความร่วมมือดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบาย “สู้ เซฟ สร้าง” โดยเฉพาะการ “สร้าง”ความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมไทยทั้งในด้านการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน การยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก ควบคู่กับการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยมีส่วนร่วมในห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมสมัยใหม่”นายเอกนัฏกล่าว
นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในส่วนความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรมถึงมาตรการและผลการดำเนินงานปราบปรามธุรกิจสีเทา การยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม และการแก้ไขปัญหาการส่งผ่านแดนที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศนั้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบทั่วประเทศ จัดระเบียบโรงงานและธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงปิดโรงงานผิดกฎหมาย ตรวจสอบและคัดกรองบริษัทที่เข้าข่ายเป็นนอมินีกว่า 46,000 ราย ได้ยึดอายัดสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มอก. มูลค่ากว่าพันล้านบาท และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด และยังสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ปนเปื้อนและได้ส่งคืนประเทศต้นทาง
นอกจากนี้กระทรวงฯ ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมทั้งระบบ ตั้งแต่การกำกับดูแลโรงงาน การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการบังคับใช้มาตรการ “ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย” เพื่อให้ผู้ประกอบการรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งปกป้องผู้บริโภคจากสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการแก้ปัญหาการส่งผ่านแดน (Transshipment) ที่มีความซับซ้อนและกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการใช้ไทยเป็นทางผ่านเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษี ซึ่งอาจส่งผลให้สินค้าส่งออกไทยต้องเผชิญภาษีสูงถึง 36% ในบางตลาด กระทรวงฯ จึงเร่งบังคับใช้กฎหมายเข้ม ตรวจตู้สินค้าต้องสงสัย จับกุมสินค้าสำแดงเท็จ และทำงานร่วมกับหน่วยงานระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางสินค้าที่เป็นอันตรายหรือผิดกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี