ส่งออกไทยยังไปต่อ เดือนกรกฎาคมขยายตัว11%

ส่งออกไทยยังไปต่อ เดือนกรกฎาคมขยายตัว11%

วันอังคาร ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.34 น.

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ แถลงการส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2568 มีมูลค่า 28,580.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (928,342 ล้านบาท)ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ที่ 11.0% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 16.6%   รวมส่งออก 7 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวที่ 14.4% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยขยายตัวที่14.5%

มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนกรกฎาคม 2568 การส่งออก มีมูลค่า 28,580.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว11.0% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 28,258.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5.1% ดุลการค้า เกินดุล 322.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวมการส่งออก 7 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออก มีมูลค่า 195,432.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว14.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 195,172.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว10.6% ดุลการค้า เกินดุล 259.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนกรกฎาคม 2568 การส่งออก มีมูลค่า 928,342 ล้านบาท หดตัว 1.1% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 929,324 ล้านบาท หดตัว 6.3 %ดุลการค้า ขาดดุล 983 ล้านบาท ภาพรวมการส่งออก 7 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออก มีมูลค่า 6,507,300 ล้านบาท ขยายตัว 6.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 6,580,565 ล้านบาท ขยายตัว2.9% ดุลการค้า ขาดดุล 73,265 ล้านบาท

 “การส่งออกเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้จะเข้าใกล้วันสิ้นสุดมาตรการยกเว้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม ผู้นำเข้าทั่วโลกยังคงเร่งนำเข้าเพื่อปิดความเสี่ยง ประกอบกับการที่รัฐบาลไทยสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนว่าจะสามารถบรรลุผลการเจรจาอัตราภาษีกับสหรัฐฯ ได้อย่างลุล่วง และพร้อมมีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบด้านภาษีของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อธุรกิจส่งออกของไทย ขณะที่ดุลการค้าของไทยเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม การส่งออกขยายตัวในอัตราสูงในเกือบทุกกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม”

แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าจะยังคงเติบโต หลังจากที่ไทยประสบความสำเร็จในการเจรจาลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จาก 36% เหลือเพียง 19% ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับประเทศผู้ส่งออกอื่น ๆ ในภูมิภาค ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนและผู้ประกอบการส่งออก ลดการเสียเปรียบในด้านการแข่งขัน และกระตุ้นการลงทุนในอนาคต ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันของหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแสดงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาของทีมเจรจาไทย และถือเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย และสหรัฐฯ

หลังจากนี้ ไทยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนากลไกการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าอย่างจริงจังมากขึ้นเพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้า ขณะเดียวกันจะมีมาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสมให้กับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการลดภาษีสินค้านำเข้าให้กับสหรัฐฯต่อไป อย่างไรก็ตามยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยกดดันการส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปี อาทิ การส่งออกชายแดนไทย-กัมพูชา

ที่หยุดชะงักไปจากสถานการณ์ความขัดแย้ง ปริมาณสินค้าคงคลังของประเทศผู้นำเข้าที่สะสมไว้ในช่วงก่อนการประกาศผลของการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจทำให้คำสั่งซื้อในอนาคตชะลอตัวลงจากภาคการส่งออก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อหามาตรการรับมือที่เหมาะสมต่อไป ในขณะที่การดำเนินการเชิงรุกเปิดตลาดการค้าและผลักดันการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ๆ ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top