กสทช. ออกมาตรการควบคุมโดรน ต้องขึ้นทะเบียนก่อนรับเครื่องจากผู้ขาย ฝ่าฝืนมีโทษ

กสทช. ออกมาตรการควบคุมโดรน ต้องขึ้นทะเบียนก่อนรับเครื่องจากผู้ขาย ฝ่าฝืนมีโทษ

วันจันทร์ ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 15.27 น.

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร  กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พร้อมด้วย ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ สมาคมธนาคารไทย ได้ประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคมและความมั่นคงของรัฐ โดยมีการพิจารณาเรื่องสำคัญ ๆ เช่น มาตรการจัดการเรื่องเครื่องวิทยุคมนาคมสำหรับอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (โดรน) ป้องกันศัตรูหรือกลุ่มผู้ไม่หวังดีลักลอบขนโดรนผิดกฎหมายมาขึ้นบินปฏิบัติการในพื้นที่ชั้นใน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ พร้อมทั้งหารือแนวทางการดำเนินการกับเครื่องบินบังคับดัดแปลงให้มีคุณลักษณะเดียวกับโดรน

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการหารือปรับปรุงแนวทางในการกำกับการซื้อโดรน โดยห้ามไม่ให้ผู้ขายส่งมอบโดรนแก่ผู้ซื้อในทันที ผู้ซื้อต้องนําใบเสร็จรับเงิน หรือใบสั่งซื้อโดรน ไปขอขึ้นทะเบียนกับสํานักงาน กสทช. ให้เรียบร้อยก่อน โดยนําใบรับรองการขึ้นทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้วมารับสินค้าในภายหลัง เนื่องจากปัจจุบันได้เกิดสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา และมีการนําโดรนขึ้นบินรบกวนการปฏิบัติงานของกองทัพ รวมทั้งมีการตรวจพบโดรนต้องสงสัยจำนวนมากบินในพื้นชั้นในของประเทศ อาจส่งผลในด้านความปลอดภัย มาตรการดังกล่าวจะทำให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงเจ้าของที่แท้จริงของโดรนแต่ละตัว โดยอ้างอิงจากหมายเลขประจำเครื่อง (Serial Number) เป็นการควบคุมโดรนผิดกฎหมาย ควบคู่ไปกับการระดมกวาดล้างจับกุมโดรนที่ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียน เพื่อป้องกันศัตรูหรือกลุ่มผู้ไม่หวังดีลักลอบนำโดรนผิดกฏหมายมาขึ้นบินปฏิบัติการในพื้นที่ชั้นใน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ


นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังพบว่ามีการนำเครื่องบินบังคับมาดัดแปลง โดยใช้คลื่นความถี่ที่สูงขึ้น เพิ่มระยะการบังคับให้ไกลขึ้น มีการเพิ่มอุปกรณ์ในการถ่ายภาพ ซึ่งหากอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าลักษณะเดียวกับโดรน ก็ต้องนำมาขึ้นทะเบียนกับสำนักงาน กสทช. เช่นกัน หากตรวจพบโดรนหรือเครื่องบินบังคับที่มีคุณลักษณะเดียวกับโดรน โดยเฉพาะเรื่องคลื่นความถี่ที่มิได้ขออนุญาตหรือขึ้นทะเบียนกับสำนักงาน กสทช. ผู้ครอบครองจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม 2498 มาตรา 6 มีโทษจำไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท สำหรับผู้ซื้อโดรนสามารถใช้ช่องทางการลงทะเบียนออนไลน์ของสำนักงาน กสทช. ผ่านเว็บไซต์ https://anyregis.nbtc.go.th/ ได้เหมือนเดิม โดยไม่ต้องเดินทางมาติดต่อที่สำนักงาน กสทช. เพียงแต่สแกนใบเสร็จรับเงิน หรือใบสั่งซื้อโดรน ดาวน์โหลดผ่านช่องดังกล่าว จากนั้น สำนักงาน กสทช. จะพิจารณาการรับรองขึ้นทะเบียนโดรนและแจ้งผลให้ทราบทางอีเมลที่ให้ไว้กับสำนักงาน กสทช. เมื่อได้ใบรับรองการขึ้นทะเบียนจากสำนักงาน กสทช. แล้ว จึงสามารถนำหลักฐานไปขอรับโดรนจากผู้ขายได้

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากประเด็นเรื่องโดรนดังกล่าวแล้ว คณะอนุกรรมการฯ ยังได้พิจารณาถึง มาตรการควบคุมซิมโทรศัพท์แบบเติมเงินล่วงหน้า (PrePaid) เนื่องจากที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ใช้งานหลายร้อยราย เติมเงินเข้าไปในซิมเป็นจำนวนมากผิดปกติ ประมาณ 5,000-10,000 บาท จากนั้นในระยะเวลาสั้น ๆ หลังที่มีการเติมเงิน จะทำการขอคืนเงินจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวอาจเป็นเงินผิดกฎหมาย หรือเป็นเงินที่หลอกให้เหยื่อเติมเข้ามา อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้กลุ่มมิจฉาชีพใช้ฟอกเงิน หรือโอนเงินผิดกฎหมาย ประเด็นดังกล่าวในที่ประชุมได้หารือแนวทางในการป้องกันและตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ ปปง. โดยหากมีเหตุอันควรสงสัยอาจระงับการคืนเงิน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นการฟอกเงินหรือไม่ นอกจากนี้อาจพิจารณาปรับปรุงกระบวนการคืนเงิน ต้องทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น โดยห้ามคืนเป็นเงินสด เพื่อให้สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินที่อาจเป็นกระบวนการฟอกเงินของกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top