BKA เล็งรีโนเวทบ้าน เพิ่มขึ้นเป็น 400-500 หลังต่อปี เสริมรายได้แกร่ง

BKA เล็งรีโนเวทบ้าน เพิ่มขึ้นเป็น 400-500 หลังต่อปี เสริมรายได้แกร่ง

วันอังคาร ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 11.12 น.

นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA ผู้นำบริการซื้อ-ขายบ้านมือสองตกแต่งใหม่ เปิดเผยว่า ภายหลังจากได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับพันธมิตรทั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM และ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) (UOB) เพื่อพลิกทรัพย์ร้างเป็นทรัพย์สร้างกำไรในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุด BKA ได้รับทรัพย์มาดำเนินการเพื่อเป็นต้นแบบของโมเดลแล้วเบื้องต้น  1 ล็อต  และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 50-100 รายการต่อปี

โมเดลของการร่วมมือในรูปนี้ เป็นแรงขับเคลื่อนสู่การสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต ที่สำคัญจะเพิ่มความสามารถในการรีโนเวทบ้าน เป็น 400-500 หลังต่อปี จากเดิมที่ 200-300 หลังต่อปีได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงและสนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นแตะระดับ 30% จากเดิมอยู่ที่ 20% เนื่องจากขั้นตอนการดำเนินการที่ลดลง


“ในปัจจุบันมี NPA ที่ยังขายไม่ออกอีกจำนวนมาก ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บริษัทฯ ได้เข้าไปให้บริการในอีกหลายๆ AMC และสถาบันการเงินอีกหลายแห่ง จะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทฯ มากขึ้นซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมในเรื่องของทีมงานมืออาชีพที่จะเข้าไปให้บริการได้ครบทุกมิติ”

สำหรับมุมมองภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง นายพชร กล่าวว่า จะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ น้อยลง ส่งผลให้แรงขายเกิดการชะลอตัว ในทางกลับกัน BKA ไม่ได้ขายอสังหาริมทรัพย์มือหนึ่ง ดังนั้นจะมีข้อได้เปรียบ หากผู้บริโภคที่ต้องการบ้านในวงเงินที่จำกัด บนพื้นที่ๆต้องการ ซึ่ง BKA สามารถตอบโจทย์การคัดสรรบ้านมือสองได้อย่างลงตัว เพราะยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อหด แต่ผู้ที่ต้องการบ้านยังคงมีอยู่ บนขีดความสามารถที่จำกัด ในราคาที่จับต้องได้ ทำให้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2568 จะเติบโต 15-20% จากปีก่อนยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของ BKA มากขึ้น เพราะ “บางกอก แอสเซท ที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง”

ขณะเดียวกัน ล่าสุด BKA ยังคงวางแผนจะขยายไปในกรุงเทพฯ อาทิ โซนลาดพร้าว, บางกะปิ, รามคำแหง และสวนหลวง มากขึ้น เพื่อสอดรับกับแผนการขยายโซนตามที่เคยแจ้งไว้ในช่วงที่นำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เพื่อเป็นการขยายฐานและต่อยอดรายได้ ในโครงการบ้านโซนนนทบุรี ซึ่งเป็นโซนหลักที่บริษัทฯ มีความชำนาญ

เนื่องจากมองว่า การขยายโครงการในโซนกรุงเทพฯ นั้น จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯได้เพิ่มขึ้น เพราะเชื่อว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีกำลังซื้อที่สูง มีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังถือว่าเป็นการกระจายพอร์ตรายได้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่รอบกรุงเทพฯ โดยยังคงเน้นที่ระดับราคา 5-10 ล้านบาทเป็นหลัก เพราะเรทราคาในระดับนี้ยังมีความต้องการสูง และเป็นตลาดที่ยังคงมีการเติบโตได้ เนื่องจากมีคู่แข่งในตลาดค่อนข้างน้อย ประกอบกับในปัจจุบันการเปิดตัวโครงการบ้านจะอยู่ที่ระดับราคาเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป ดังนั้นในกลุ่มระดับราคา 5-10 ล้านบาท จึงยังคงเป็นลูกค้าที่มีความเสี่ยงน้อยทำให้สถาบันการเงินยังคงปล่อยสินเชื่อกับกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวก็จะส่งผลเชิญบวกอย่างมีนัยสำคัญกับ BKA ในอนาคต

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top