พาณิชย์ จับมือ สภาหอการค้าไทย จัด ‘สัมมนาใหญ่ประจำปี 68’

พาณิชย์ จับมือ สภาหอการค้าไทย จัด ‘สัมมนาใหญ่ประจำปี 68’

วันอังคาร ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2568, 15.36 น.

กระทรวงพาณิชย์ จับมือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดพิธีมอบ ‘รางวัลสมาคมการค้าดีเด่น ประจำปี 2568’ แก่สมาคมการค้า 31 สมาคม และ ‘รางวัลผู้บริหารสมาคมการค้าดีเด่น’ 5 ราย เพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจแก่ภาคเอกชน ตอกย้ำบทบาทสมาคมการค้าในฐานะกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้สามารถแข่งขันได้ บนเวทีโลก

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาใหญ่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประจำปี 2025 ณ ห้อง Grand Riverside Ballroom ชั้น 10 โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ว่า เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้จัดงานสัมมนาฯ ภายใต้แนวคิด ‘Unlocking New Growth ศักยภาพใหม่แห่งการเติบโต’ พร้อมด้วยพิธีมอบรางวัลสมาคมการค้าดีเด่นประจำปี 2568 เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีแก่สมาคมการค้าและผู้บริหารสมาคมการค้าที่มีการบริหารจัดการตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ประกอบกับกระตุ้นให้สมาคมการค้าพัฒนาองค์กรและบทบาทในการพัฒนาธุรกิจของประเทศ โดยงานแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ การบรรยายพิเศษเรื่อง เศรษฐกิจไทย ปี 2025: ฟื้นตัวหรือฝืดเคือง? ทางรอดอยู่ที่ไหน? โดย ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนาและผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย  (ทีดีอาร์ไอ)


และการเสวนา หัวข้อ การใช้ AI ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และในช่วงค่ำเป็นพิธีมอบรางวัลสมาคมการค้าดีเด่น ในปีนี้สมาคมการค้าที่ได้รับ“รางวัลสมาคมการค้าดีเด่น” มีจำนวน 31 สมาคม ใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 จัดตั้ง 1-5 ปี (ปี 2562-2566) จำนวน 3 สมาคม, กลุ่มที่ 2 จัดตั้ง 6-15 ปี (ปี 2552-2561) จำนวน 5 สมาคม และกลุ่มที่ 3 จัดตั้ง 16 ปีขึ้นไป (ก่อนปี 2552) จำนวน 23 สมาคม และ ‘รางวัลผู้บริหารสมาคมการค้าดีเด่น’ มอบให้กับผู้บริหารสมาคมการค้า รวม 5 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลนายกสมาคมการค้าดีเด่น จำนวน 3 ราย และรางวัลกรรมการศักยภาพดีเด่น จำนวน 2 ราย สำหรับการพิจารณารางวัลอาศัยหลัก Balanced Scorecard (BSC) ใน 4 มิติ ได้แก่ ผลสำเร็จตามพันธกิจ ความสามารถในการบริหารจัดการ คุณภาพการให้บริการ และการพัฒนาองค์กร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับสมาคมการค้าไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานสากล

นายวุฒิไกร กล่าวว่า ในวันนี้ตนรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การนำเข้า-ส่งออก สินค้าไทย เดินหน้าอย่างไรในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม” ช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2530 ประเทศไทยติดอยู่กับประเทศรายได้ปานกลาง (Middle Income Countries: MICs) แม้ว่าปัจจุบันจะอยู่ในเกณฑ์บนที่สูงขึ้นแล้วก็ตาม แต่เมื่อมองหลายประเทศที่เคยอยู่ในช่วงเดียวกับไทยก็ได้หลุดออกจากกลุ่มนี้ไปแล้ว อาทิ ฮ่องกง เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และไต้หวัน ไทยจึงต้องหันกลับมาทบทวนว่าเหตุใดเรายังไม่สามารถเดินหน้าได้ หลายองค์กรด้านการเงินของประเทศไทยได้เสนอทางออกให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักนี้ด้วยการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม การขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์ การใช้ทรัพย์สินทางปัญญา การวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ และเดินหน้าด้วยนโยบายของรัฐบาล

ที่ผ่านมามีหลายสิ่งที่ไทยได้ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นจุดศูนย์กลางในหลายด้าน บางอุตสาหกรรมก็สามารถเดินทางไปถึงเป้าหมายแล้วหรืออยู่ระหว่างการเดินทาง ตอนนี้เราจึงต้องทบทวนว่าไทยเก่งทางด้านไหน และส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพอย่าง งานบริการ ท่องเที่ยว Wellness และเกษตรกรรมที่ไทยไม่เป็นรองใคร ผมเชื่อว่าประเทศไทยมีโอกาสสร้าง ‘เกษตรนวัตกรรม’ ได้ อาทิ การเปลี่ยนจากข้าวสารกิโลกรัมละประมาณ 30 บาทให้กลายเป็นสินค้าแปรรูปอย่างน้ำข้าวกล้อง หรือเครื่องสำอาง ก็จะสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นแตะหลักหมื่นต่อกิโลกรัมได้เลย หรือศึกษาตัวอย่างจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ไม่มีแร่เหล็กแต่สามารถผลิตมีดที่มีความนิยมระดับโลกได้ เป็นผลจากการสร้างแบรนด์และการการันตีตลอดอายุการใช้งาน รวมไปถึงในประเทศที่มีผลผลิตผลไม้อย่างองุ่น แต่เมื่อแปรรูปเป็นไวน์ก็จะสร้างมูลค่าได้มหาศาล ซึ่งไทยสามารถเรียนรู้ต้นแบบการทำธุรกิจ การนำเสนอสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ เหล่านี้ได้

ด้านการเจรจาภาษีกับสหรัฐอเมริกากระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานกันอย่างหนัก และคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ประกอบการและเกษตรกรเป็นสำคัญ การเจรจาครั้งนี้จะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสและปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของไทย ประกอบกับกระทรวงฯ จะเข้าไปช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมเจาะเป็นราย Sector พร้อมฟังเสียงจากธุรกิจโดยตรง ทั้งนี้ หลายประเทศที่มีการส่งออกสินค้าประเภทเดียวกันและเป็นคู่แข่งกับไทยแต่มีฐานภาษีกับสหรัฐฯ ที่สูงกว่า กระทรวงฯ โดยทูตพาณิชย์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ และช่วงชิงความได้เปรียบนี้ให้ตลาดกลับมาเป็นของไทย ผมขอยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานอย่างสุดความสามารถในการเจรจากับสหรัฐฯ จนภาษีได้ลดลงมาอยู่ที่ 19% นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นแต่ยังมีรายละเอียดอีกมากที่เรายังต้องทำงานต่อไป โอกาสนี้ขอขอบคุณสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และแสดงความยินดีกับนายกสมาคมการค้า ท่านสมาชิก และผู้ที่ได้รับรางวัลสมาคมการค้าดีเด่นในครั้งนี้ ขออำนวยพรให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในธุรกิจต่อไป” นายวุฒิไกรกล่าว

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการอาวุโสหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า  ภายใต้นโยบาย Unlocking New Growth ศักยภาพใหม่แห่งการเติบโต เรามุ่งเน้นการปลดล็อกข้อจำกัดของภาคธุรกิจไทย และเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สภาหอการค้าฯ จะเป็นกลไกเชื่อมโยงภาคเอกชนกับภาครัฐ และสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายต่างประเทศ เพื่อให้ภาคธุรกิจไทยเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ปัจจุบันสภาหอการค้าฯ     มีเครือข่ายสมาชิกกว่า 189,000 ราย  ประกอบด้วย สมาคมการค้า 177 สมาคม, หอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย 36 ประเทศ, หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด และสมาชิกส่วนกลางกว่า 30,000 ราย ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การค้ายุคใหม่

นายอธิป พีชานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเชื่อมพลังภาครัฐ-เอกชน จะเป็นพลังสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจไทยยั่งยืน การจัดสัมมนาในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองเศรษฐกิจแต่ยังเป็นการประกาศเกียรติคุณแก่สมาคมการค้าที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภาคธุรกิจไทย  โดยมีกระทรวงพาณิชย์ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้สมาคมการค้า มีความเข้มแข็ง สอดคล้องกับนโยบาย Unlocking New Growth ภายใต้การนำของ ดร.พจน์  อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย อันจะนำไปสู่การสร้างศักยภาพใหม่ และการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

-031

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top