นางสาวอรดา เทพยายน ผู้ช่วยเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เปิดเผยว่าว่า เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมบอร์ด กสทช. เป็นเวลา 2 วัน โดยมีระเบียบวาระเข้าสู่ที่ประชุม กสทช. จำนวนทั้งสิ้น 67 วาระ ผ่านการพิจารณาทั้งสิ้น 31 วาระ ได้แก่ วาระที่เกี่ยวกับการอนุญาตประกอบกิจการ การกำกับดูแลผู้รับใบอนุญาต การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมในพื้นที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะ การอนุญาตจัดสรรเลขหมาย รวมทั้งการจัดทำฉากทัศน์ในอนาคตของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย
ทั้งนี้ วาระที่ได้รับความสนใจติดตามจากผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ คือ เรื่องการจัดทำข้อมูลฉากทัศน์ในอนาคตของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย โดยในวันนี้ กสทช. ได้มีมติรับทราบ บทวิเคราะห์ฉากทัศน์ในอนาคตของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย และกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลและส่งเสริมการประกอบกิจการโทรทัศน์ ให้สำนักงาน กสทช. นำกรอบเวลาและแนวทางการดำเนินการในมิติต่างๆ ภายใต้กฎหมายปัจจุบันไปจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ รวมทั้งให้นำประเด็นข้อสังเกตจากที่ประชุมไปประกอบการพิจารณาร่วมด้วย เพื่อเตรียมการก่อนใบอนุญาตทีวีดิจิตอลจะสิ้นสุดลงในเดือน เม.ย. 2572 โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1.การจัดสรรคลื่นความถี่ฯ กิจการทางธุรกิจ ต้องมีการกำหนดจำนวนช่องและมาตรฐานความคมชัด กำหนดแนวทางเกี่ยวกับคลื่นฯ และปรับปรุงประสิทธิภาพของโครงข่าย จัดทำแผนความถี่วิทยุ ประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาต แนวทางการดำเนินงานให้บริการ MUX หลังสิ้นสุดใบอนุญาตปี 2571 กำหนดราคาตั้งต้นการประมูลเพื่อไปสู่การประมูลคลื่นความถี่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2571 และอนุญาตให้ใช้คลื่นฯ/ประกอบการในเดือน เม.ย.2572
2. การสร้างกรอบการกำกับดูแลที่ยืดหยุ่น จะมีการวิเคราะห์และทบทวนกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบกิจการ รวมถึงปรับปรุง พัฒนากฎระเบียบในการกำกับดูแลการประกอบกิจการ
3. การลดภาระต้นทุนอื่น ได้แก่ ค่าเช่าใช้ MUX จะมีการวิเคราะห์และทบทวนวิธีการกำกับดูแลอัตราค่าเช่าใช้ และดำเนินการปรับปรุงประกาศฯ ที่เกี่ยวข้อง กรณีพบว่า มีวิธีการกำกับดูแลวิธีอื่นที่เหมาะสมกว่าวิธีในปัจจุบัน และเรื่องกฎ Must Carry ต้องมีการจัดทำรายงานผลการศึกษา เพื่อนำเสนอ กสทช.
4. การส่งเสริมการประกอบกิจการ ได้แก่ ด้านเนื้อหารายการ มีการส่งเสริมการผลิตเนื้อหารายการที่เป็นประโยชน์ ผ่านประกาศหลักเกณฑ์การสนับสนุนรายการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม การประเมินคุณภาพเนื้อหารายการในกิจการโทรทัศน์เพื่อส่งเสริมเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยมีการจัดทำเกณฑ์ และดำเนินการประเมินคุณภาพเนื้อหารายการ การพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบกิจการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการจัดทำบริการสำหรับคนพิการ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการพิจารณาวาระที่เกี่ยวกับการสนับสนุนด้านนวัตกรรม โดย กสทช. มีมติอนุญาตให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประสานงานการใช้คลื่นความถี่เพื่อการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมในพื้นที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะ (Regulatory Sandbox) ในพื้นที่โครงการนวัตกรรม ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยมีระยะเวลาการอนุญาต 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุญาต รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในพื้นที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะของบริษัทฯ มีขอบเขต ดังนี้
1) พื้นที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะ ได้แก่ ที่ตั้งโครงการนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ในพื้นที่ ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง มีพื้นที่รวม 2,345 ไร่ 1 งาน 75.3 ตารางวา
2) คลื่นความถี่ที่ประสงค์จะให้มีการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรม ได้แก่ คลื่นความถี่ย่าน 410 -480 MHz,
481 - 525 MHz, 902 - 905 MHz, 915 -920 MIHz, 925 - 928 MHz, 1616-1625 MHz, 3300 - 4200 MHz,
5850 - 5925 MHz, 8300 - 8600 MHz, 9300 - 9800 MlHz, 15400-16700 MHz และ 76500 - 77000 MHz
และ 3) การประยุกต์ใช้งานหรือนวัตกรรมเป้าหมายในพื้นที่ โดยจำแนกตามเทคโนโลยี ได้แก่ การประยุกต์ใช้งานกับอากาศยานไร้คนขับ การพัฒนาด้านเทคโนโลยีอวกาศ การพัฒนาด้านรถขับเคลื่อนอัตโนมัติและการสื่อสาร V2X และการประยุกต์ใช้อุปกรณ์ตรวจจับอากาศยานไร้คนขับ สำหรับการใช้งานเพื่อความมั่นคงของรัฐ
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี