ไทย-ชิลี จับมือกระชับสัมพันธ์ทางการค้า ขยายความร่วมมือการค้า-การลงทุนข้ามแปซิฟิก

ไทย-ชิลี จับมือกระชับสัมพันธ์ทางการค้า ขยายความร่วมมือการค้า-การลงทุนข้ามแปซิฟิก

วันจันทร์ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568, 14.03 น.

‘ไทยจับมือชิลี’ เดินหน้าขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน โอกาสครบรอบ 10 ปี FTA ไทย-ชิลี และสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ครบรอบ 63 ปี ด้านไทยพร้อมสนับสนุนชิลีเข้าเป็นสมาชิกความตกลงอาร์เซ็ป ฝ่ายชิลีนำคณะนักธุรกิจกว่า 30 ราย พูดคุยกับภาคธุรกิจไทยและอาเซียน ขยายการลงทุนสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ย้ำ! ไทยพร้อมทำงานร่วมกับชิลี อำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ ใช้ประโยชน์จาก FTA               

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจตุพร บุรุษพัฒน์) พร้อมด้วยผู้บริหารกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมให้การต้อนรับนางเกลาเดีย ซันอูเอซา (H.E. Claudia Sanhueza) รัฐมนตรีช่วยด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของชิลี เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกัน ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี และครบรอบ 63 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต


นายวุฒิไกร กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ไทยและชิลีได้แลกเปลี่ยนมุมมองและความเห็นต่อแนวทางขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ทั้งในระดับทวิภาคี ผ่าน FTA ไทย-ชิลี ซึ่งจะมีอายุครบรอบ 10 ปีในปีนี้ โดย FTA ไทย-ชิลี มีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 และระดับภูมิภาคผ่านกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค รวมถึงความร่วมมือในฐานะประเทศสมาชิกของเวทีองค์การการค้าโลก นอกจากนี้ ยังได้แจ้งฝ่ายชิลีว่า ไทยมีความยินดีที่ชิลีสนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป และพร้อมให้การสนับสนุนชิลีอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ชิลีได้แสดงความยินดีที่ไทยสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจดิจิทัล หรือเดป้า ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าดิจิทัลที่มุ่งส่งเสริมความร่วมมือและลดอุปสรรคทางการค้าดิจิทัล โดยปัจจุบันมีสิงคโปร์ นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และชิลี เป็นสมาชิก

นอกจากนี้ ชิลีได้นำคณะนักธุรกิจชิลีกว่า 30 ราย ร่วมเดินทางมายังไทยเพื่อพูดคุยกับภาคธุรกิจของไทยและอาเซียน ซึ่งนับเป็นการแสดงความพร้อมที่จะขยายการลงทุนมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทย โดยเฉพาะในสาขาที่ชิลีมีศักยภาพ อาทิ การทำเหมืองแร่ ก่อสร้าง และการเกษตร ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้นำคณะผู้ส่งออกไทยในสินค้าอุตสาหกรรมและอาหารกว่า 40 ราย เดินทางเยือนชิลี บราซิล อาร์เจนตินา เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จึงเห็นว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่จะได้สานต่อการขยายการค้าและความร่วมมือระหว่างกัน

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้เน้นย้ำถึงความพร้อมในการทำงานร่วมกับชิลี เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจในการใช้ประโยชน์จาก FTA ไทย-ชิลี อย่างต่อเนื่อง ซึ่งความตกลงฉบับนี้ ถือว่าเป็นความตกลงการค้าเสรีที่มีสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าต่อมูลค่าส่งออกในระดับสูงมาโดยตลอด โดยในปี 2567 ผู้ส่งออกไทยมีสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าจาก FTA ไทย-ชิลี สูงถึง 99.72%

ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค. 2568) ชิลีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 46 ของไทย สำหรับในปี 2567 ไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 20 ของชิลี การค้าระหว่างไทย-ชิลี มีมูลค่า 710.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (23,868.50 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ร้อยละ 6.75 โดยไทยส่งออกไปชิลี มูลค่า 316.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (10,535.14 ล้านบาท) และไทยนำเข้าจากชิลี มูลค่า 393.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (13,333.37 ล้านบาท) สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป

- 030 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top