วันจันทร์ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568
ถึงแยกย้ายแต่ไม่ลืม!!! 'ศิริโชค โสภา'ย้อนรำลึกพรรคประชาธิปัตย์ ในอุดมคติ

ถึงแยกย้ายแต่ไม่ลืม!!! 'ศิริโชค โสภา'ย้อนรำลึกพรรคประชาธิปัตย์ ในอุดมคติ

วันจันทร์ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568, 15.42 น.

วันที่ 15 กันยายน 2568 นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า  แม้วันนี้…ผมจะไม่ได้ยืนอยู่ใต้ธงสีฟ้าประชาธิปัตย์อีกต่อไป และแม้วันข้างหน้าจะต้องมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ขึ้นมาแทนที่ แต่ในฐานะที่ผมเคยฝากชีวิตทางการเมืองเอาไว้กับพรรคนี้—พรรคที่ผมเคยเชื่อมั่นว่า คือเสาหลักของประชาธิปไตยไทย—ผมอยากขอเขียนถึง “พรรคในอุดมคติ” ที่อยู่ในใจผมเสมอมา เราอาจเดินกันมาจนถึงวันที่ต้องแยกย้าย แต่ความทรงจำ ความผูกพัน และอุดมการณ์ที่ผมเคยศรัทธาในนาม “ประชาธิปัตย์” ยังคงอยู่กับผมตลอดไป…

พรรคประชาธิปัตย์: ผลงานที่มากกว่าถนน และบทบาทฝ่ายค้านที่สกัดวิกฤติ


ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีสถานะเป็น “ฝ่ายค้าน” มากกว่าการได้เป็นรัฐบาล แต่ช่วงเวลาที่ได้กุมบังเหียนประเทศ กลับตรงกับห้วงวิกฤติเศรษฐกิจและความไม่สงบที่หนักหน่วงที่สุด เช่น

 • วิกฤติต้มยำกุ้ง (2540–2544) ช่วงนายชวน หลีกภัย ต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และปฏิรูประบบการเงินการคลัง

 • วิกฤติการเมืองและเศรษฐกิจโลก (2551–2554) ช่วงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับตำแหน่งท่ามกลางการชุมนุมและวิกฤติซับไพรม์ทั่วโลก

ดังนั้น รัฐบาล ปชป. มักอยู่ในสถานการณ์ที่ “ต้องรัดเข็มขัด รักษาเสถียรภาพ” มากกว่าช่วงเวลาที่สามารถ “ลงทุนขยายโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่” ได้เหมือนรัฐบาลที่มากับกระแสเศรษฐกิจขาขึ้น

1. ความเข้าใจผิดเรื่อง ‘ถนน’ คือผลงาน ส.ส.

หลายคนโจมตีว่า “ปชป. ไม่มีผลงาน ถนนภาคใต้สู้ถนนสุพรรณบุรีไม่ได้” แต่ในความเป็นจริง การสร้างถนนไม่ใช่หน้าที่ของพรรคการเมือง หรือ ส.ส. โดยตรง

 • ถนนอยู่ในแผนงานของ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งต้องผ่านกระบวนการวางแผนหลายปี

 • มาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ ยังห้ามไม่ให้ ส.ส. หรือรัฐมนตรีไปแทรกแซงงบประมาณเพื่อเอื้อประโยชน์ส่วนตัวหรือพื้นที่เลือกตั้ง

ถนนสุพรรณบุรีที่เกิดขึ้นในยุคอดีตนายกบรรหาร ศิลปอาชา นั้น เกิดขึ้นในบริบทที่รัฐบาลมีเสถียรภาพทางการเงินมากกว่า และ “ใช้งบประมาณทุ่มลงพื้นที่เดียว” จนเห็นผลชัด แต่หากทุกจังหวัดทำเช่นนั้น ประเทศก็จะเสียสมดุลในการพัฒนา

2. บทบาทฝ่ายค้าน: ป้อมปราการประชาธิปไตย

หากพรรค ปชป. ไม่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเข้มข้น ประเทศไทยอาจเจอความเสียหายที่ร้ายแรงกว่าที่เห็น

 • ฝ่ายค้านช่วย เปิดโปงทุจริตโครงการใหญ่

 • ฝ่ายค้านช่วย สกัดนโยบายประชานิยมที่บิดเบือนเศรษฐกิจ

 • ฝ่ายค้านช่วย รักษากรอบวินัยการคลัง ไม่ให้ประเทศตกหลุมหนี้มหาศาล

การไม่มี “ฝ่ายค้านที่แข็งแรง” เท่ากับการเปิดทางให้รัฐบาลใช้อำนาจอย่างไร้ขอบเขต — ซึ่งในหลายประเทศพิสูจน์แล้วว่านำไปสู่ความล่มสลาย

3. ผลงานที่จับต้องได้ แม้ไม่ได้ปักป้ายบนถนน

แม้ ปชป. ไม่ได้มีชื่อเสียงจากการสร้างถนน แต่กลับมีผลงานเชิงโครงสร้างที่สร้างผลระยะยาว เช่น

 • กองทุนหมู่บ้าน – เริ่มต้นจากโครงการกองทุนเพื่อชุมชนของรัฐบาลชวน ก่อนถูกพัฒนาและขยายในรัฐบาลถัดมา

 • ระบบ 30 บาทรักษาทุกโรค รากฐานเกิดจากการผลักดันโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าในสมัยรัฐบาลชวน

 • โครงการเรียนฟรี 15 ปี ช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์

 • เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุถ้วนหน้า จาก 200 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นการสร้างรัฐสวัสดิการถาวร

สิ่งเหล่านี้คือโครงสร้างสังคมและเศรษฐกิจที่ “อยู่คู่ประเทศ” ไม่ใช่เพียงแค่ถนนที่ใช้รถแล่นผ่าน

4. ถนนภาคใต้: สะท้อนความไม่เป็นธรรมทางงบประมาณ

ภาคใต้มีถนนน้อยกว่าสุพรรณบุรี ไม่ใช่เพราะ ปชป. ไม่ทำงาน แต่เพราะระบบการจัดสรรงบประมาณและนโยบายชาติ ไม่ได้กระจายงบเท่าเทียม

 • สุพรรณบุรีได้รับการผลักดันเป็นพิเศษในยุคอดีตนายกบรรหาร

 • ขณะที่ภาคใต้ แม้มีพรรค ปชป. เป็นฐานเสียงใหญ่ แต่ช่วงรัฐบาล ปชป. มักต้อง “แก้วิกฤติชาติ” ไม่ได้มีอำนาจจัดสรรงบถนนเฉพาะพื้นที่

นี่จึงสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างมากกว่า “ไร้ผลงาน”

บทสรุป

การวัดผลงานพรรคการเมืองด้วยจำนวนถนน จึงเป็น การมองที่ผิวเผินเกินไป พรรค ปชป. มีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะรัฐบาลที่ “พาประเทศฝ่าวิกฤติ” และฝ่ายค้านที่ “ค้ำยันระบบประชาธิปไตย” ถนนอาจสร้างได้ในไม่กี่ปี แต่ ระบบการศึกษา สาธารณสุข วินัยการคลัง และการตรวจสอบถ่วงดุล คือผลงานที่ยืนยาว และจะอยู่คู่ประเทศไทยไปอีกหลายชั่วอายุคน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top