นางฐนิวรรษ กุลมงคล นายก สมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด คาดว่าธุรกิจร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มปี 2568 โตแค่ 2.8% เศรษฐกิจซบกระทบการใช้จ่าย ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเสี่ยงไม่โต โดยในปี 2568 คาดว่า ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท เติบโต 2.8% จากปี 2567 ซึ่งเป็นการปรับลดจากคาดการณ์เดิมที่เติบโต 4.6% หรือมีมูลค่า 657,000 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2567
ทั้งนี้ การแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารเครื่องดื่มที่สูง เทรนด์ของร้านอาหารและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ขณะที่ต้นทุนราคาวัตถุดิบอาหารผันผวนในระดับสูง แต่การปรับราคาทำได้จำกัด ส่งผลกระทบต่อรายได้และผลกำไรของผู้ประกอบการ-เป็นอย่างมาก
นางฐนิวรรณ ยังเปิดเผยถึง “ความเสี่ยงของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม มาจากปัจจัยหลักๆ ด้านต้นทุนรอบด้านของธุรกิจร้านอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งค่าแรงที่มีสัดส่วนประมาณ 15% ของต้นทุน ขณะที่ค่าสาธารณูปโภคและค่าเช่ามีสัดส่วนรวมกันกว่า 20% ของต้นทุนรวม รวมถึงราคาวัตถุดิบอาหารซึ่งคิดเป็นประมาณ 35% ของต้นทุน ตลอดจน ต้นทุนที่สำคัญอื่นๆ ตลอดจน นโยบายภาษีจากสงครามการค้าที่ทำให้ราคาสินค้าบางประเภทสูงขึ้น โดยราคาวัตถุดิบในประเทศปรับขึ้นหลายรายการ อาทิ ไข่ไก่ และเนื้อหมูสด ขณะที่กลุ่มวัตถุดิบอาหารที่ต้องนำเข้า อาทิ นมผง เนย ชีส แป้งสาลี โกโก้ และเมล็ดกาแฟ แม้จะปรับตัวลดลงจากในช่วงต้นปี 2568 แต่ราคายังผันผวนในระดับสูง ทำให้กลุ่มร้านเครื่องดื่ม ร้านเบเกอรี่และอาหารตะวันตกจะเป็นกลุ่มได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก
นางฐนิวรรณ กล่าวว่า สมาคมฯ เดินหน้าผลัก-“6 มาตรการหลัก ที่เน้นเป็น “นโยบายแบบแพ็คเกจ 6 แกนหลักครบวงจร” โดยครอบคลุมด้าน—ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้-พัฒนาทักษะ-ส่งเสริมการตลาด-เพื่อการพัฒนาธุรกิจร้านอาหารอย่างยั่งยืน ต่อภาครัฐ ขานรับต่อจากนโยบาย “คนละครึ่ง”-ของรัฐบาล ที่กำลังจะประกาศใช้ โดย “นโยบายแบบแพ็คเกจ 6 แกนหลักครบวงจร” เพื่อให้ธุรกิจร้านอาหารและท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย ด้านการเงินและภาษี ด้านต้นทุนปฏิบัติการ ด้านแรงงาน-ทักษะ ด้านการตลาดและการท่องเที่ยว ด้านดิจิทัลและนวัตกรรม และ ด้านกฎหมาย-มาตรฐาน-ความยั่งยืน
โดยนโยบายแบบแพ็คเกจ 6 แกนหลักครบวงจร มีรายละเอียดดังนี้
1. ด้านการเงิน–ภาษี (Cost Relief & Liquidity)
- ซอฟต์โลนดอกเบี้ยต่ำ 1-2% วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท/กิจการ ค้ำโดย บสย. 70%
- ยกเว้น/ลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 50-100% เป็นเวลา 1 ปี สำหรับ (อาหาร สุขาภิบาล ดนตรีสด สื่อโฆษณา)
- ภาษีเงินได้บุคคล/นิติบุคคล: หักค่าใช้จ่ายลงทุนยกระดับครัว / ระบบความเย็น / พลังงานสะอาด แบบ Super Deduction 2.0 (หักเพิ่ม 1.5-2 เท่า)
2. ด้านลดต้นทุนปฏิบัติการ (Operating Cost)
- อัตราค่าไฟ–ค่าน้ำพิเศษ สำหรับกิจการบริการขนาดเล็ก/กลาง (SME Tariff)
- ตลาดกลางวัตถุดิบอาหาร (Centralized Sourcing Hubs) ร่วม อ.ต.ก.–เอกชน ตัดตัวกลาง
- ลดราคาวัตถุดิบ 5-10%
3. ด้านแรงงาน–ทักษะ (Jobs & Skills)
- อุดหนุนค่าจ้างชั่วคราว 1,500-2,000.- บาท/หัว/เดือน สำหรับพนักงานเดิมที่รักษา การจ้างงาน 6-12 เดือน
- Upskill/Reskill : ภาษา, มาตรฐานบริการ, Food Safety, การตลาดดิจิทัล, บริหารต้นทุน (โดยร่วมกับอาชีวะ / มหาวิทยาลัย/แพลตฟอร์มออนไลน์)
4. ด้านการตลาด–การท่องเที่ยว (Demand Stimulus)
- เทศกาลอาหารจังหวัด/เส้นทาง Food Tourism (Street Food to Fine Dining) เชื่อม แหล่งท่องเที่ยวชุมชน
- แคมเปญ “Clean Food, Safe & Iconic” ผลักดันมาตรฐานร้านท้องถิ่น+คอนเทนต์หลายภาษา
5. ด้านดิจิทัล–นวัตกรรม (Digital Boost)
- Mini-Grant 50,000–150,000 บาท เพื่อทำเมนูหลายภาษา, ระบบจอง, POS, nventory, เดลิเวอรี, Loyalty/CRM
- Open Data ภาคท่องเที่ยว-อาหาร (ความต้องการ, ซีซั่น, เทศกาล) ให้ SMEs ใช้วางแผน
- กองทุนสตาร์ทอัพ FoodTech/TravelTech (โซลูชันลดต้นทุน–ลดสูญเสียอาหาร– พลังงานสะอาด)
6. กฎหมาย–มาตรฐาน–ความยั่งยืน (Ease & Green)
- One-Stop License ใบอนุญาตอาหาร/ ดนตรี/ป้าย/สุรา ผ่านดิจิทัล ลดเวลาจากเดือน เป็นวัน
- Green Restaurant/Hotel Program: เงินอุดหนุน 30–40% สำหรับอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ลดพลาสติก, จัดการขยะอาหาร
- ปรับปรุงผังเมือง/กฎสถานที่ ส่งเสริมโซนอาหารกลางคืนที่ปลอดภัย มีมาตรฐานเสียงสุขอนามัย
นางฐนิวรรษ กล่าวว่า 5 ปัจจัย-ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อน ที่กระทบต่อธุรกิจร้านอาหาร “ความแปลกใหม่+ประสบการณ์+คุณภาพ+สุขภาพ+ราคาสมเหตุสมผล”ได้กลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ของผู้บริโภคในปัจจุบัน และเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่ได้มีรูปแบบตายตัว ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ต่ำและเปลี่ยนแปลงตามกระแสอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับรูปแบบธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ ด้วยตลาดที่เข้าง่ายแต่แข่งขันสูงจากจำนวนผู้ให้บริการที่มีมาก หลักหลายแสนร้าน ตลอดจนร้านอาหารในบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ ส่งผลให้แข่งขันของธุรกิจร้านอาหารดุเดือด การรักษาผลกำไรของธุรกิจให้ได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง จึงยังเป็นโจทย์ที่ท้าทาย
“การรับมือและแนวทางการปรับตัว การทำร้านอาหารยุคนี้ต้องรอบรู้ เข้าใจทั้งผู้บริโภคว่าต้องการอะไร และปรับตัวให้ทันสภาวะเศรษฐกิจ ลดต้นทุน: ผู้ประกอบการต้องรัดเข็มขัด ควบคุมค่าวัตถุดิบ และบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด. ที่สำคัญที่สุด คือ การตลาดออนไลน์ การไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์ทำให้ร้านอาหารกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง ต้องสร้างตัวตนและการรับรู้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อลดการพึ่งพาแค่เพียงหน้าร้าน เท่านั้น ยิ่งกว่านี้ การทำโปรโมชั่นกระตุ้นตลาดร่วมกับพันธมิตรอย่างแอปพลิเคชั่นจัดส่งอาหารไปยังที่พัก (Food Delivery Application) เพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้และกระตุ้นยอดขาย ได้อีกทางหนึ่ง” นางฐนิวรณ กล่าว
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี