กลุ่มเซ็นทรัล ผนึก ททท. จัดบิ๊กอีเวนต์หนุนท่องเที่ยวฟื้น

กลุ่มเซ็นทรัล ผนึก ททท. จัดบิ๊กอีเวนต์หนุนท่องเที่ยวฟื้น

วันอังคาร ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568, 12.19 น.

กลุ่มเซ็นทรัลเผยสัญญาณท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวแรง ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ต้นปีที่ใช้บริการศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และธุรกิจในเครือพุ่งเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบปีก่อน ตอกย้ำศักยภาพ “นักท่องเที่ยวคุณภาพ” ที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะจากจีน รัสเซีย ตะวันออกกลาง และอินเดีย สะท้อนถึงพลังการจับจ่ายที่กลับมาสร้างความคึกคักให้แก่อุตสาหกรรมค้าปลีกและการท่องเที่ยวไทยอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ยังสอดคล้องกับข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ปัจจุบัน 5 ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยสูงสุด ได้แก่ มาเลเซีย จีน อินเดีย รัสเซีย และเกาหลีใต้ ตั้งแต่ 1 ม.ค.–14 ก.ย. 2568 มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยแล้วทะลุ 22.9 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท และคาดการณ์ว่าช่วงไฮซีซันปลายปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวทั้งตลาดระยะใกล้และระยะไกลเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


ท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักนี้ กลุ่มเซ็นทรัลในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกและบริการของไทย จึงเดินหน้าจับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการผนึกกำลังจัดแคมเปญการตลาด บิ๊กอีเวนต์ และกิจกรรมระดับโลก ครอบคลุมทุกธุรกิจในเครือทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และโรงแรมทั่วประเทศ ต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี เพื่อสร้าง “แม่เหล็กการท่องเที่ยว” ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก พร้อมมอบประสบการณ์ที่แตกต่างและครบวงจร

นางสาวอัจฉรา วิสุทธิวงศ์รัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด สื่อสารองค์กร และความยั่งยืน กลุ่มเซ็นทรัล  กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างครบวงจร ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย ทั้งการจัดอีเวนต์ระดับเวิลด์คลาสและแคมเปญการตลาด การมอบประสบการณ์เหนือระดับในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และโรงแรมในเครือ ตลอดจนการเชื่อมโยงวิถีชุมชนเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการอันเป็นเอกลักษณ์จากแต่ละภูมิภาค

“เราพร้อมใช้ศักยภาพของกลุ่มธุรกิจสนับสนุนทุกแคมเปญของ ททท. เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ กระตุ้นการใช้จ่าย และกระจายรายได้สู่เมืองหลัก แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม รวมถึงเมืองรองหรือเมืองน่าเที่ยว และพื้นที่ชุมชนทั่วประเทศ ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยกระดับเสน่ห์ของประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก (Tourist Destination)  แต่ยังส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทย และสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง”นางสาวอัจฉรากล่าว

นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวในครึ่งปีแรกเริ่มกลับมาเป็นบวก แม้ช่วงไตรมาส 2 จะมีการชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ปัจจุบันเห็นสัญญาณฟื้นตัวมากขึ้น เราจึงมุ่งต่อยอดบรรยากาศเชิงบวกนี้สู่ช่วงปลายปี ซึ่งถือเป็นไฮซีซัน โดยห้างร้านในเครือเซ็นทรัล รีเทล มากกว่า 3,000 สาขาทั่วประเทศ ได้จัดเตรียมแคมเปญและอีเวนต์พิเศษรับเทศกาลสำคัญทั้งโกลเด้น วีค ดีวาลี และคริสต์มาส เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวหลากหลายประเทศและสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 1.5 ล้านคนเข้ามาช้อปที่ห้างร้านในเครือเซ็นทรัล รีเทล ในไตรมาส 4 และสร้างยอดขายกว่า 5,200 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อน โดยสินค้ายอดนิยมยังคงเป็นสินค้ากลุ่มแฟชั่น เครื่องสำอาง และสินค้าเด็ก

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมนักท่องเที่ยวจีนภายในศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนาเติบโตในทุกมิติ โดยข้อมูลจาก Chinese E-Wallet Partner อย่าง Alipay และ WeChat Pay พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาใช้บริการและจำนวนธุรกรรมการซื้อสินค้าและบริการผ่าน e-Wallet เพิ่มขึ้นกว่า 10% เทียบกับปี 2024 ในขณะที่การใช้จ่ายกลับเพิ่มขึ้นกว่า 40% โดยเฉพาะในทำเลสำคัญอย่าง เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลภูเก็ต และเซ็นทรัลพัทยา ที่เติบโตเกิน 50% สะท้อนถึง ‘Quality Traffic’ ที่มีกำลังซื้อสูง ส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวฟื้นตัวใกล้เคียงปี 2019 หรือประมาณ 90%

นอกจากนักท่องเที่ยวจีนเรายังขยายฐานไปสู่ตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงอย่างตะวันออกกลาง ผ่านความร่วมมือกับ Fazaa Card ซึ่งเป็นโครงการ CRM ที่ใหญ่ที่สุดของ UAE ทำให้เซ็นทรัลพัฒนาสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าพรีเมียมต่อเนื่อง ซึ่งใน ไตรมาส 4 คาดว่ายอดการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน มาเลเซีย อินเดีย อเมริกา รัสเซีย อังกฤษ ตะวันออกกลาง เป็นต้น สะท้อนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวทั้งต่อประเทศไทยและศูนย์การค้าเซ็นทรัล ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว พร้อมยกระดับประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ Partnership 360 องศา ผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัล จัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดรับบรรยากาศท่องเที่ยวที่กำลังกลับมาคึกคัก โดยเสนอ  Grand Privilege มอบสิทธิประโยชน์และดีลพิเศษ ครอบคลุมธุรกิจในเครือทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และโรงแรมทั่วประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้แก่นักท่องเที่ยว พร้อมกระตุ้นการใช้จ่ายปลายปี รองรับไฮซีซันที่จะมีนักท่องเที่ยวทั้งตลาดใกล้และไกลเดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ททท.  ยังเดินหน้าเพิ่มเเรงส่งต่อเนื่องด้วยกิจกรรมส่งเสริมการตลาด 2 แคมเปญหลัก ได้แก่ Amazing Thailand Grand Sale 2025 มอบส่วนลดสูงสุด 80% ระหว่าง 1 มิ.ย.–15 ส.ค. เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่นิยมช้อปปิงและมีกำลังซื้อสูง เช่น จีน อินเดีย และอาเซียน และ Chinese Passport Privilege ภายใต้โครงการ Nihao Month ระหว่าง 20 ก.ย.–31 ธ.ค. เพียงแสดงหนังสือเดินทางจีนก็รับสิทธิพิเศษและส่วนลดมากมาย ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงกระตุ้นการใช้จ่ายและกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก แต่ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยสู่การเป็น “Quality Destination” จุดหมายปลายทางคุณภาพระดับโลก พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวมาสร้าง Grand Momentที่ไทย ด้วยความอบอุ่น ปลอดภัย และเต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว

“เราเชื่อมั่นว่าพลังความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน นำความภาคภูมิใจมาสู่คนไทย และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยโดดเด่นในเวทีโลกอย่างแท้จริง”นางสาวฐาปนีย์กล่าว

 

-031

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top