กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ ธ.ก.ส. ยกระดับเกษตรกรไทย

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ ธ.ก.ส. ยกระดับเกษตรกรไทย

วันจันทร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568, 09.20 น.

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะภารกิจด้านการส่งเสริมเกษตรกรไทยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งเป็นอุดมการณ์ร่วมกันที่ต้องการสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกไม้ยืนต้นเพิ่มมากขึ้น และใช้ประโยชน์จากต้นไม้ที่ปลูกมาสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ พร้อมแปลงเป็นเงินเมื่อต้องการนำไปลงทุนต่อยอดธุรกิจหรือนำไปใช้เพื่อดำรงชีพ

จุดเริ่มต้นของความร่วมมือข้างต้น นับตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 โดยมีเป้าหมายในการสร้างกลไกทางกฎหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ต่อมาในปี พ.ศ.2561 ได้มีการออกกฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกัน โดยให้ไม้ยืนต้นเป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันกันได้ นับเป็นการเปิดมิติใหม่ในการนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าและสามารถสร้างรายได้ระยะยาวมาใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน


โดยภายหลังกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนและผลักดันให้ ‘ไม้ยืนต้น’ สามารถนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้ตามกฎหมาย จนเกิดผลเป็นรูปธรรมในปี 2563 ซึ่ง ธ.ก.ส. เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่รับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ทั้งนี้ ตลอด 7 ปีที่กรมฯ และ ธ.ก.ส.ร่วมกันผลักดันไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจจนเป็นผลสำเร็จ ก่อให้เกิดผลงานสำคัญที่ดำเนินการร่วมกัน ดังนี้

1. การประชาสัมพันธ์และลงพื้นที่ โดยกรมฯ ได้จัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน และประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจและกฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกันได้ (ไม้ยืนต้น) ตลอดจนแนวทางการนำไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน โดย ธ.ก.ส.ร่วมให้การสนับสนุนในการให้ความรู้และผลักดันการนำ ‘ไม้ยืนต้น’ มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดยทั้ง 2 หน่วยงานได้ดำเนินการภายใต้แนวคิดการน้อมนำแนวทาง ‘ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง’ ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้เพื่อให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน ประชาชน รวมถึงสถาบันการเงิน ได้ตระหนักและเห็นคุณค่าจากการใช้ประโยชน์จากต้นไม้ รวมถึง ได้รับรู้กฎกระทรวงที่กำหนดให้ไม้ยืนต้นเป็นทรัพย์สินที่ใช้หลักประกันให้เกิดขึ้นได้จริง

2. ยอมรับการให้สินเชื่อทรัพย์สินประเภทไม้ยืนต้นจากสถาบันการเงิน โดย ธ.ก.ส.เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่ประกาศรับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจอย่างเป็นทางการ โดยได้กำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินมูลค่าไม้ยืนต้น ชนิดของไม้ยืนต้น รวมทั้ง มูลค่าต้นไม้แต่ละต้นที่สามารนำมาใช้เป็นหลักประกันและใช้ควบคู่กับการเพิ่มวงเงินจดทะเบียนจำนองที่ดินได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของราคารประเมินมูลค่าต้นไม้ เพื่อใช้เป็นมาตรฐานกลางของ ธ.ก.ส.ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งเงินทุนให้แก่เกษตรกรไทย

3. การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ธ.ก.ส.ได้ลงนามใน MOU ว่าด้วยการพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host และการส่งเสริมใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ความร่วมมือดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการระหว่างนโยบายด้านกฎหมายของกรมฯ กับภาคการเงิน (ธ.ก.ส.) ที่ไม่เพียงช่วยเกษตรกรให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรธรรมชาติและสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน รวมทั้งมีระบบจดทะเบียนฯ ที่ได้ร่วมกันพัฒนาให้มีความทันสมัยและรวดเร็ว โดยประชาชนและเกษตรกรเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุด4. การเดินหน้าความร่วมมือในอนาคต กรมฯ และ ธ.ก.ส. ได้แสดงเจตจำนงค์ตามความร่วมมือที่ได้ลงนามใน MOU ที่จะเดินหน้าผลักดันกฎกระทรวงที่กำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกัน (ไม้ยืนต้น) อย่างต่อเนื่อง ขยายผลสร้างการรับรู้สู่เกษตรกร ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน และประชาชนในทุกจังหวัด ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ สร้างรูปแบบการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืน

นับตั้งแต่ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 และกฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกัน พ.ศ.2561 (ไม้ยืนต้น) บังคับใช้ จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กันยายน 2568) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ธ.ก.ส.ได้ลงพื้นที่ร่วมกันเพื่อสร้างการรับรู้เรื่องการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ 14 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น สุพรรณบุรี อุทัยธานี พิษณุโลก อ่างทอง อุบลราชธานี เพชรบุรี ชัยนาท เชียงราย ราชบุรี นครสวรรค์ นครพนม นครนายก และนครศรีธรรมราช โดยผลจากความร่วมมือดังกล่าว ทำให้มีเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว 197,549 ต้น (316 สัญญา) วงเงินรวมกว่า 187 ล้านบาท โดยไม้ยืนต้นที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เช่น ต้นสัก ยาง มะฮอกกานี สะเดา ประดู่ป่า พะยูง พลวง มะม่วง เป็นต้น

ทั้งนี้ กรมฯ และ ธ.ก.ส.จะจับมือกันอย่างแน่นแฟ้นมากขึ้น พร้อมก้าวสู่ที่ 8 ในการร่วมกันขับเคลื่อนและส่งเสริมให้เกษตรกร/ผู้ประกอบการรายย่อยปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเอง และเมื่อต้องการใช้เงินเพื่อต่อยอดลงทุนในธุรกิจหรือนำไปใช้เพื่อการดำรงชีพก็สามารถแปลงต้นไม้เป็นเงินได้ทันที สมตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจที่ต้องการให้เกษตรกรและบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น” อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย

- 030 

 

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top