นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยเบฟ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค รวมถึงประเทศไทย ยังต้องเผชิญความท้าทายจากความเติบโตที่ชะลอตัว ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และการบริโภคในประเทศที่เปราะบาง แต่ไทยเบฟยังคงเดินหน้าพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงการทรานส์ฟอร์เมชัน ควบคู่กับการดำเนินกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยหนึ่งในก้าวสำคัญที่เสริมแกร่งธุรกิจของกลุ่มในปีที่ผ่านมา คือ การผนวกรวมธุรกิจและการดำเนินงานของ บริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ, ลิมิเต็ด (F&N) ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และการประกาศแผนการดำเนินงานภายใต้ PASSION 2030 เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืน
สำหรับแผนการดำเนินงานภายใต้ PASSION 2030 ของไทยเบฟ มุ่งเน้นกลยุทธ์หลักสองประการ ได้แก่ 1.Reach Competitively หรือ การเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการขยายเครือข่ายการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทาง พร้อมการให้บริการที่เป็นเลิศไร้รอยต่อในระดับต้นทุนที่แข่งขันได้ 2. Digital for Growth หรือ ดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต เสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเสริมสมรรถภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงเครือข่ายคู่ค้าและผู้บริโภค เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
สำหรับในช่วง 9 เดือนปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568) ไทยเบฟมีรายได้จากการขายรวม 258,621 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้การบริโภคจะชะลอตัวลง และถึงแม้จะมีการลงทุนในตราสินค้าและการตลาดที่เพิ่มขึ้นตามแผนงานที่วางไว้เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ตราสินค้าต่างๆ แต่กลุ่มมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดบัญชี (EBITDA) ลดลงเพียง 4.0% จากปีก่อน เป็น 45,026 ล้านบาท โดยในปี 2568 ไทยเบฟใช้เงินลงทุนรวม 12,000 ล้านบาท และในปี 2569 จะใช้เงินลงทุนอีก 9,000 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าบนเส้นทางสู่การเติบโตที่แข็งแกร่ง และสร้างสรรค์คุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายด้วยความมุ่งมั่นตามพันธกิจ “สร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” และวิสัยทัศน์สู่การเป็น “ผู้นำที่มั่นคงและยั่งยืนของอาเซียน” ในธุรกิจเครื่องดื่มและอาหาร
“ยอมรับว่าเศรษฐกิจมีความท้าทาย และเราก็ได้รับผลกระทบบ้าง สังเกตจากยอดขายที่ลดลง แต่ด้วยการบริหารต้นทุนด้านการผลิต และต้นทุนด้านบริการ ทำให้ผลประกอบยังยืนอยู่ในจุดที่น่าพอใจ ส่วนเป้าหมายทางด้านการเติบโต ตาม PASSION 2030 เราคงไม่ปรับลดลง แต่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานเพื่อให้รับมือกับคามท้าทายใหม่ได้ ซึ่งนอกจากการบริหารต้นทุนแล้ว เราก็มองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ เช่นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มฮาลาล สำหรับตลาดชาวอิสลาม ซึ่งทั่วโลกมีอยู่ 1.8 พันล้านคน และ จะเติบโตขึ้นเป็น 2.5 พันล้านคนในเร็วๆนี้ตามการคาดการของสหประชาชาติ ”นายฐาปน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี