ธปท.ยึดมั่น 2 หลักการสำคัญ ดูแลเสถียรภาพศก.-อิสระจากการเมือง

ธปท.ยึดมั่น 2 หลักการสำคัญ ดูแลเสถียรภาพศก.-อิสระจากการเมือง

วันพฤหัสบดี ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 07.31 น.

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในโอกาสวันแรกที่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่า ธปท. ว่า การได้ทำงานในตำแหน่งนี้ถือเป็นเกียรติอย่างสูง โดยบทบาทสำคัญคือการยึดมั่นในภารกิจหลักของ ธปท. ซึ่งก็คือการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค หรือ “เสถียรภาพ” เป็นหัวใจสำคัญ พร้อมทั้งย้ำว่า ธปท.จำเป็นต้องรักษาความเป็นอิสระจากแรงกดดันทางการเมือง

ทั้งนี้มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหาหลากหลาย ทั้งในระยะสั้น ระยะยาว และเชิงโครงสร้าง โดยมีหลายประเด็นที่จำเป็นต้องเร่งดูแลในทันที ขณะเดียวกันปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยบทบาทของ ธปท.ถือเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศ แม้จะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งวันแรก แต่จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามกำลังความสามารถ ทั้งนี้ภารกิจของ ธปท.มีหลายด้าน และบางเรื่องเป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องการความร่วมมือ ไม่อาจดำเนินการเพียงลำพัง และ ธปท.ยินดีทำงานร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันประคับประคองเศรษฐกิจ โดยไม่ใช่ต่างคนต่างทำ แต่ต้องเดินไปด้วยกัน โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือ การทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างสมดุล และสามารถก้าวไปสู่ศักยภาพที่ควรจะเป็น


“ธปท.ยังคงยึดมั่นในภารกิจหลัก ซึ่งคือการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค และ ธปท.จะต้องมีความเป็นอิสระจากการกดดันทางการเมืองด้วย ส่วนภาพรวมปัญหาของเศรษฐกิจในปัจจุบันมีปัญหามากมาย ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และปัญหาเชิงโครงสร้าง ปัญหาที่ต้องเร่งเข้าไปดูแลมีหลายประการในระยะสั้น และยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาวที่ต้องให้ความสำคัญด้วย บทบาทของ ธปท.ยินดีจะร่วมมือกับกระทรวงการคลังและทุกหน่วยงาน ที่จะเข้ามาดูแลและประคับประคองเศรษฐกิจ ไม่ใช่การที่ ธปท.จะต่างคนต่างทำกับหน่วยงานอื่น”นายวิทัย กล่าว

อนึ่งก่อนหน้านี้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงต่อรัฐสภา ในโอกาสแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ว่า ได้มีการประชุมวางแผนนโยบายเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะวิกฤต โดยมีการเปรียบเทียบเศรษฐกิจไทยเหมือนกับรถยนต์ ที่กำลังวิ่งลงเหว หรือกำลังใกล้จะติดหล่ม หากไม่มีการดำเนินการใดๆ สถานการณ์อาจรุนแรงถึงขั้นดิ่งเหว ทั้งนี้จากการคาดการณ์ของ 3 หน่วยงานเศรษฐกิจภาครัฐ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สำหรับไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.7% และจะลดลงเหลือเพียง 0.3% ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งบ่งชี้ว่าใกล้จะติดลบมาก ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจน คือการทำให้ GDP ไตรมาสที่ 4 ดีกว่าที่คาดการณ์ 0.3% ลดหนี้ครัวเรือนลงจาก 87.4% ให้อยู่ต่ำกว่า 87% และเพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงเม็ดเงินลงทุนจริงจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดนี้ จะช่วยให้รถยนต์เศรษฐกิจไทยฟื้นจากหล่มได้ในระยะสั้น และเพิ่มขีดความสามารถในระยะยาว

นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้สรุปแนวทางแก้ไขปัญหาโดยใช้หลักคิดกระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว โดยมีกรอบเวลา 4 เดือน เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาวและกระจายประโยชน์ไปยังทุกพื้นที่ รวมถึงดูแลผู้ประกอบการรายย่อย และปากท้องประชาชน นโยบายนี้เรียกว่า Quick Big Win ซึ่งต้องทำ สั้น (Quick) ใหญ่ (Big) พอที่จะดันเศรษฐกิจ และให้ประชาชนได้รับประโยชน์ (Win) โดยการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจแบ่งออกเป็น 5 เสาหลัก 1.การกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว คนละครึ่งพลัส 2.การแก้ไขหนี้ภาคประชาชน การบริหารหนี้เสีย (NPL) 3.การดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสภาพคล่อง 4.การเพิ่มการออมภาคประชาชน หรือสลากออมทรัพย์ และ 5.การเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top