ชี้ไทยติด4กับดักสำคัญ รัฐบาลเร่งมาตรการทำลายตัวถ่วง

ชี้ไทยติด4กับดักสำคัญ รัฐบาลเร่งมาตรการทำลายตัวถ่วง

วันศุกร์ ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.25 น.

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “Thailand Economic Outlook 2026: Out of the Trap” จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ วันที่ 9 ต.ค.2568 ว่า รัฐบาลตระหนักดีถึงข้อจำกัดด้านเวลาเพียง 4 เดือน ทีมเศรษฐกิจจึงได้กำหนดแนวทางการทำงานภายใต้แนวคิด “Quick Big Win” คือทำเร็วและทำทันที ด้วยการเร่งกระตุ้นระยะสั้นเพื่อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นจากหล่ม พร้อมทั้งได้ผลยาวเพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจ และเน้นการกระจายตัวด้วยเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

ทั้งนี้ ในอดีตไทยเคยเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย แต่วันนี้เรากลับกลายเป็นคนป่วย แต่คนป่วยมีทางเลือก หากรู้ว่าตนเองป่วยเป็นอะไร รู้สาเหตุของปัญหาก็จะรู้วิธีรักษาและกลับมาแข็งแรงได้ โดยปัจจุบันประเทศไทยยังติดกับดักอยู่ 4 เรื่อง ประกอบไปด้วย 4 เรื่อง 1.กับดักด้านการลงทุน เป็นประเด็นแรกที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่เก่าและติดกับดักการเติบโตอยู่ในอุตสาหกรรมเดิมๆ แต่ปัจจุบันโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่ยุคของ AI, Data Center, EV, ระบบอัตโนมัติ และโลกสีเขียวมากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลจะใช้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นหัวหอกหลักในการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยุคใหม่เหล่านี้ และเพื่อปลดล็อกการลงทุน รัฐบาลจะจัดทำโครงการ Fast Pass เพื่อแก้ปัญหากฎกติกาที่ทำให้ผู้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนแล้วแต่ยังไม่สามารถลงทุนได้จริงเนื่องจากติดปัญหาการขอใบอนุญาตเรื่องน้ำ หรือไฟ การขอให้คนที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในเมืองไทย


ส่วนกับดักที่ 2 เรื่องคนและทักษะแรงงาน ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาโครงสร้างประชากร วันนี้มีคนที่มีอายุเกิน 60 ปี อยู่ราว 20% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งคนเหล่านี้เมื่อเกษียณแล้วรายได้จะหายไป รายจ่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องเจ็บป่วย และจะกลายเป็นการเพิ่มภาระงบประมาณและหนี้สาธารณะในอนาคต นอกจากนี้ กำลังแรงงานของไทยยังมีทักษะที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ทำให้นักลงทุนย้ายไปประเทศอื่น โดยสิ่งที่รัฐบาลจะทำคือการเน้นเรื่องการ Re-skill และ Up-skill ทักษะแรงงาน โดยจะมีการจัดสรรเงินจากกองทุนเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการฝึกอบรมระยะสั้นและการอบรมออนไลน์ที่ตรงกับความต้องการของตลาด และเป็นไปตามตามความต้องการของภาคธุรกิจ มีการตั้งเป้าหมายใน 4 เดือนแรก จะอบรมแรงงาน 100,000 คน พร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคนไทย รวมทั้ง จะทำให้มีการต่อยอดจากโครงการคนละครึ่งพลัส เปิดหลักสูตรอบรมผ่านแอปถุงเงิน เพื่อให้ร้านค้าที่อยู่ในระบบมาเรียนรู้ทักษะที่สร้างรายได้ การบริหารจัดการต้นทุนการเงินและภาษี

สำหรับกับดักที่ 3 ด้านเทคโนโลยี เป็นอีกประเด็นสำคัญ เนื่องจากธุรกิจไทยหลายแห่งยังไม่ทันโลกยุคใหม่ ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีเปลี่ยนไปเร็วมาก จากยุค Digital Transformation ได้ก้าวข้ามไปสู่ AI ซึ่งสามารถทำงานแทนคนได้ โดยรัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยให้เงินสนับสนุน (Grant) 50% สำหรับการทำวิจัยพัฒนา (R&D) กำหนดวงเงินสำหรับรายเล็กอยู่ที่ 20 ล้านบาท และรายใหญ่อยู่ที่ 50 ล้าน รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนเปลี่ยนเครื่องจักรเป็นระบบอัตโนมัติ โดยจะให้สถาบันการเงินของรัฐเข้ามาช่วยออกสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน (Transformation Loan) เพื่อให้ SME ได้รับเงินอุดหนุนทันทีโดยไม่ต้องรอ นอกจากนี้ จะมีการทำโครงการพี่ช่วยน้อง ให้ธุรกิจรายใหญ่มาช่วยสนับสนุน SME โดยไม่ได้หมายถึงการควบรวมกิจการ แต่เป็นมาตรการที่ให้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีการจ้างงานจาก SME สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า หรือ 2 เท่า เพื่อสนับสนุนการซื้อสินค้าไทยและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ มาตรการนี้จะอยู่ในแพ็กเกจ SME ที่จะออกมาอย่างต่อเนื่องภายใน 120 วัน

ขณะที่กับดักที่ 4 เรื่องหนี้และวินัยการคลัง โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน ซึ่งอยู่ในระดับสูงมาก ประชาชนรายย่อยต้องแบกรับภาระผ่อนต้นผ่อนดอก และมีกำลังซื้อลดลง หากไม่แก้ไขกำลังซื้อที่หดหายจะเริ่มกระทบธุรกิจขนาดเล็ก SME และอาจลามไปถึงธุรกิจรายใหญ่ได้ในที่สุด รวมถึงหนี้ของรัฐ หรือหนี้สาธารณะซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 64% GDP  โดยขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยจะทำให้มีการดึงหนี้จากคนตัวเล็กตัวน้อยออกมาจากระบบ และนำไปไว้ในบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC)  ซึ่งจะ ดำเนินการผ่านบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM และบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) เพื่อช่วยแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว และกระทรวงการคลังจะมีการยกระดับวินัยการคลังให้มีความโปร่งใสและชัดเจน โดยจะมีการทบทวนแผนการคลังระยะปานกลาง (MTFF) ในเดือนพ.ย.นี้ ให้มีการลงรายละเอียดการดำเนินนโยบายการคลังอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลจะไม่ก่อหนี้เพิ่ม เพื่อแสดงให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating Agency) ลดความกังวลต่อการก่อหนี้สาธารณะของไทย รวมทั้งยังมีแผนการเพิ่มการจัดเก็บรายได้ และ จะมีการปรับปรุงเกณฑ์ค่าลดหย่อนต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันการลดหย่อนภาษีมีความสะเปะสะปะมาก แนวทางคือการกำหนดเพดาน (Ceiling) ที่ชัดเจนว่าในหนึ่งปีจะลดหย่อนได้เท่าไหร่

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top