สหพันธ์การขนส่งรถบรรทุก แนะรัฐบาล ดึงคมนาคม 5.0 หนุนQuick Big Win

สหพันธ์การขนส่งรถบรรทุก แนะรัฐบาล ดึงคมนาคม 5.0 หนุนQuick Big Win

วันศุกร์ ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 08.27 น.

​​​​ดร.ไพโรจน์ ชัยจีระธิกุล อดีตประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน เปิดเผยว่า 4 เดือนของรัฐบาลอนุทินสำหรับกระทรวงคมนาคม เป็นเวลาที่สั้นมากและถูกมองว่าโครงการส่วนใหญ่ของกระทรวงฯต้องใช้งบประมาณมหาศาลและใช้ระยะเวลานาน จึงไม่สามารถทำอะไรได้มาก แต่สำหรับ “คนนอก” เล็งเห็นว่า รัฐบาลนี้ได้เปิดโอกาสให้มี รัฐมนตรีคนนอก ที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เฉพาะด้านเข้ามาช่วยบริหารประเทศ เป็นการเปิดกว้างให้ คนนอกภาคการเมือง ที่มีอุดมการณ์เข้ามามีบทบาทในการช่วยสนับสนุนให้ประเทศชาติมีความเข้มแข็ง และ ระยะเวลา 4 เดือนนี้เอง อาจจะเป็นโอกาสทองในการสร้างนโยบาย Quick Big Win หรือ นโยบายที่สามารถสร้างผลลัพธิ์อย่างยิ่งใหญ่ในระยะเวลาอันสั้น และอาจจุดประกายโครงการพัฒนาประเทศที่ประชาชนเห็นผลได้จริง จากส่วนผสมทางการเมืองที่ลงตัวของรัฐบาลอนุทิน   
อย่างไรก็ดีการคมนาคมขนส่งอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน ต้นทุนและเวลาที่เสียไปในแต่ละวัน ก็มีส่วนมาจากการเดินทางและคมนาคมขนส่งแทบทั้งสิ้น ดังนั้นการลดรายจ่าย การเพิ่มรายได้ การเพิ่มผลิตภาพ(Productivity) ของการใช้ชีวิตและธุรกิจ ย่อมเกี่ยวกับการวางนโยบาย การบริหารจัดการระบบขนส่งและจราจรที่มีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล อัจฉริยะและมองประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทย มีโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากพอสมควรแล้ว แต่ยังขาด “สมองดิจิทัล” ก็คือศูนย์ควบคุมที่ใช้ข้อมูลเรียลไทม์ วิเคราะห์ สั่งการ และปรับระบบให้ทำงานฉลาดขึ้น หากจะเปรียบเทียบ ถ้า “ถนน-รถไฟ-สนามบิน-ท่าเรือ” คือ ร่างกายของการคมนาคม แล้ว สมองดิจิทัล ก็คือ ศูนย์ควบคุมและสั่งการที่ใช้ข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ร่างกายนี้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ เราจะต้องเปลี่ยนจากระบบที่รัฐเป็นศูนย์กลาง มาเป็นระบบที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People-centric Policy) อย่างเป็นรูปธรรม


ขณะเดียวกันระบบที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เริ่มจากความต้องการของประชาชน และใช้ข้อมูลจากประชาชนมาช่วยกำหนดนโยบาย การบริการและการลงทุนของรัฐ ซึ่งหากประเทศไทย ไม่ได้พัฒนา สมองดิจิทัล และ ระบบที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เมื่อเทียบกับประเทศชั้นนำอื่นๆ แล้ว ประเทศเราจะค่อยๆ ถูกทิ้งห่างทางเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี จนยากที่จะตามทันโลกในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เนื่องจาก เราจะเป็นเพียงแค่ประเทศที่มีถนนเพิ่มขึ้น แต่ความฉลาดของระบบและผลิตภาพของประชาชนจากการใช้ระบบไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย 

ทั้งนี้ที่มาของแนวคิดนี้ต้องให้เครติดกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ จันทรโอชา อดีตนายกรัฐมนตรี (ผนวกกับวิวัฒนาการของ Industry 4.0 สู่ Industry 5.0 และความต้องการในปัจจุบันของประชาชนรวมถึงรัฐบาลที่อยากมีระบบคมนาคมขนส่งที่ดีกว่าเดิม) จนกลายมาเป็นการออกแบบนโยบาย Transport 5.0 หรือ ข้อเสนอ “คมนาคม 5.0” ถึงรัฐบาลอนุทิน ซึ่งจะเป็นการต่อยอดและอัปเกรดจาก ระบบดิจิทัลไปสู่ ระบบที่เข้าใจมนุษย์และมีความยั่งยืนมากขึ้น

สำหรับคมนาคม 5.0 เป็นการใช้เทคโนโลยี โดยใส่สมองให้ระบบที่มีอยู่ โดยไม่ต้องสร้างทางกายภาพเพิ่มมากมาย แต่ทำให้สิ่งที่มีทำงานอย่างฉลาดมากขึ้น เชื่อมโยงบูรณาการกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คมนาคม 5.0 ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่คือ เรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน รัฐต้องปรับตัวเข้ากับประชาชนมากขึ้น โดยการที่จะเป็นคมนาคม 5.0 ได้ก็จะต้องพัฒนารากฐานที่ดีมาจาก คมนาคม 1.0-4.0 นั่นคือ การยกระดับและบูรณาการทุกยุคเข้าด้วยกัน เพราะคมนาคม 1.0-4.0 คือ ร่างกายของระบบ ส่วนคมนาคม 5.0 คือ สมองของระบบนั่นเอง โดยคมนาคม 5.0 จะสามารถเป็น นโยบาย Quick Big Win ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากไม่ได้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ระยะเวลาหลายปีในการสร้าง แต่เป็นการใช้สมองและข้อมูล ทำให้สิ่งที่มีอยู่แล้วดีขึ้นได้ภายในไม่กี่เดือน และยังเป็นการลงทุนที่ใช้ต้นทุนต่ำ แต่ได้ผลลัพธ์สูง ทำให้ประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวเดินทางง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น ประหยัดเวลาขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ เกิดStartupธุรกิจใหม่ๆลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ ที่สำคัญจะเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดที่จะแสดงศักยภาพของรัฐบาลอนุทินและอาจมีผลต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top