สรท. ห่วงค่าเงินบาทซ้ำเติมกำลังซื้อชะลอตัว วอนรัฐบาลพิจารณารอบด้าน (ร่าง) พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน

สรท. ห่วงค่าเงินบาทซ้ำเติมกำลังซื้อชะลอตัว วอนรัฐบาลพิจารณารอบด้าน (ร่าง) พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน

วันศุกร์ ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 12.36 น.
Tag : สรท.

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธาน สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ว่า  ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนสิงหาคม 2568 พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 27,743 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัว  5.8% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 29,707 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว  15.8 %(หักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว ที่ 5.4%)

ขณะที่ การส่งออกในรูปเงินบาทมีมูลค่า 889,014 ล้านบาท หดตัว  5.5% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 964,331 ล้าน
บาท ขยายตัว  3.6% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2568 ขาดดุลเท่ากับ 1,964 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขาดดุลในรูปของเงินบาท 75,317 ล้านบาท


ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคม – สิงหาคม ของปี 2568 เทียบกับช่วงเวลา
เดียวกันของปีก่อน พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 223,175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว  13.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 7,396,314 ล้านบาท ขยายตัว  4.7 %(หักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว ที่ 13.3%) ในขณะที่ การนำเข้า มีมูลค่า 224,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขยายตัว 11.3% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 7,544,896 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3 ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2568 ขาดดุลเท่ากับ 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นการขาดดุลในรูปเงินบาท 148,580 ล้านบาท

ทั้งนี้ สรท. ยังเชื่อมั่นว่าการส่งออกปี 2568 จะเติบโตระหว่าง 3-5% (ณ ตุลาคม 2568) ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตอย่างมากของการส่งออกในช่วงไตรมาส 1-2 ที่ผ่านมา ส่งผลให้แม้การส่งออกของไทยจะเริ่มชะลอตัวลงในไตรมาส 3-4 ยังทำให้ภาพรวมการส่งออกไทยตลอดทั้งปีนี้ยังมีการเติบโต 

อย่างไรก็ตาม สรท. เฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงและความผันผวนที่สำคัญซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะที่เหลือของปี 2568 และปี 2569
ประกอบด้วย1) มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ (Reciprocal Tariff) เริ่มส่งผลให้เกิดความผันผวนในระบบเศรษฐกิจทั่วโลก และสะท้อนความเปราะบางของการค้าโลกในระยะต่อจากนี้ไป
2) ค่าเงินบาทแข็งค่าสูงกว่าประเทศคู่ค้าและคู่แข่งอื่นในภูมิภาค ซึ่งแม้จะเกิดจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีปัจจัยอื่นเป็นตัวเร่งเพิ่มเติม และมีผลกระทบต่อความสามารถในการ
แข่งขันของผู้ส่งออกอย่างยิ่ง
3) ข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะการขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ส่งผลให้ขาดเงินทุนสำหรับการขยายตัวทางธุรกิจ และรวมถึงทำให้การหาตลาดใหม่ชดเชยตลาดเก่าทำได้ในวงจำกัด
4) การขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับการผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งสืบเนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงข้อจำกัดในการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับการผลิตเพื่อ
5) ปัญหาการสวมสิทธิเพื่อ Re-export สินค้าไม่มีคุณภาพหรือไม่มีมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อ
ภาพลักษณ์สินค้าไทยในภาพรวม

ทั้งนี้ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ 7 ข้อหลัก เพื่อให้รัฐบาลและ
หน่วยงานภาครัฐ เร่งดำเนินการ ประกอบด้วย
1) กำกับดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ และสอดคล้องกับทิศทางค่าเงินของภูมิภาค และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถป้องกันความเสี่ยงค่าเงินบาทด้วยต้นทุนที่เหมาะสม
2) กำกับดูแลและเร่งปรับลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน ต้นทุนพลังงาน รวมถึงชะลอการออกกฎหมายหรือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการประกอบธุรกิจ อาทิ 2.1) ขอให้ทบทวน(ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ... และขอให้มีผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมในการพิจารณาร่างกฎหมาย เพื่อสะท้อนความเห็นและมุมมองต่อการปรับปรุงกฎหมายให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน รวมถึง
การกำหนดกลไกช่วยเหลือนายจ้างที่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องปรับขึ้นราคา
สินค้า ซึ่งจะกระทบกับภาคประชาชนในภาพรวม 2.2) การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขอให้เป็นไปตาม
กลไกคณะกรรมการไตรภาคี หรือคณะกรรมการค่าจ้าง
3) เร่งรัดการพิจารณาอนุมัติและเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงเพิ่มวงเงินงบประมาณสำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และเร่งรัด/ขยายการเจรจาความตกลง FTA ให้ครอบคลุมประเทศคู่ค้าสำคัญ 3.1) จัดสรรงบประมาณเพื่อให้มีกองทุน SME
สำหรับการร่วมลงทุนกับภาคเอกชนรายย่อยซึ่งมีโอกาสทางธุรกิจแต่ขาดเงินทุน และให้ซื้อทุนคืน
จากรัฐเมื่อเอกชนรายนั้นมีความสามารถทางการเงินเพียงพอ
4) เร่งแก้ไขปัญหาโลจิสติกส์การค้า โดยเฉพาะปัญหาความแออัดท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นรูปธรรมและกำหนดแนวทางดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอของภาคเอกชน
5) เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลมาตรฐานสินค้านำเข้า เพื่อปกป้องความปลอดภัยของผู้บริโภคและให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ
6) ตรวจสอบกฎแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ เพิ่มสัดส่วนการใช้
วัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content) ให้มากขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยออกไป
ลงทุนในต่างประเทศและนำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศผ่านมาตรการภาษีซ้อน (Double Taxation)
7) สานต่อนโยบายที่ดีและมุ่งเน้นสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าต่อประเทศมากที่สุด ด้วยการ 
7.1) ยกระดับรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์(Digital Government) และ 7.2) ออกกฎหมายสำหรับกระบวนการทำงานใหม่ในระบบดิจิทัล
เพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่น

“สรท.ได้ทำหนังสือ ถึงประธานสภา เพื่อทบทวน ร่างฯ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ… เนื่องจากบรรจุเข้าที่ประชุมวาระ 1 แล้ว การปนีบค่าแรงขึ้น 16% จะทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก”

อย่างไรก็ดี คาดการณ์การส่งออกในปี 2569 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งจะต้องดูว่าข้อเสนอที่ สรท.ได้แนะนำให้กับรัฐบาล ว่าจะแก้ไขและสนับสนุนให้ครอบคลุมได้มากน้อยแค่ไหน

-032

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top