สรท.ห่วงค่าบาทแข็ง บั่นทอนศักยภาพการส่งออก

สรท.ห่วงค่าบาทแข็ง บั่นทอนศักยภาพการส่งออก

วันเสาร์ ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.)เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะกรรมการฯว่าภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนสิงหาคม 2568 การส่งออกมีมูลค่า 27,743 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัว 5.8% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้ามีมูลค่า 29,707 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 15.8% (หักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ 5.4%)

ขณะที่การส่งออกในรูปเงินบาทมีมูลค่า 889,014 ล้านบาท หดตัว  5.5% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 964,331 ล้านบาท ขยายตัว 3.6% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2568 ขาดดุล 1,964 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และขาดดุลในรูปของเงินบาท 75,317 ล้านบาท


ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคม – สิงหาคมของปี 2568 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พบว่าส่งออก 223,175 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัว 13.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 7,396,314 ล้านบาท ขยายตัว 4.7% (หักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ 13.3%) การนำเข้า มีมูลค่า 224,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัว 11.3% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 7,544,896 ล้านบาท ขยายตัว 3% ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยขาดดุล1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นการขาดดุลในรูปเงินบาท 148,580 ล้านบาท

“สรท.ยังเชื่อมั่นว่าการส่งออกปี 2568 จะเติบโต 3-5% ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตอย่างมากในช่วงไตรมาส 1-2  ส่งผลให้แม้การส่งออกจะเริ่มชะลอตัวลงในไตรมาส 3-4 ยังทำให้ภาพรวมการส่งออกไทยตลอดทั้งปีนี้ยังมีการเติบโต”

อย่างไรก็ตาม สรท.เฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงและความผันผวนที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะที่เหลือของปี 2568 และปี 2569 ประกอบด้วย 1.มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ (Reciprocal Tariff) เริ่มส่งผลให้เกิดความผันผวนในระบบเศรษฐกิจทั่วโลกและสะท้อนความเปราะบางของการค้าโลกในระยะต่อจากนี้ไป

2.ค่าเงินบาทแข็งค่าสูงกว่าประเทศคู่ค้าและคู่แข่งอื่นในภูมิภาค แม้จะเกิดจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีปัจจัยอื่นเป็นตัวเร่งและมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก

3.ข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะการขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน ส่งผลให้ขาดเงินทุนสำหรับการขยายตัวทางธุรกิจ รวมถึงทำให้การหาตลาดใหม่ทำได้ในวงจำกัด

4.การขาดแคลนวัตถุดิบสำหรับการผลิตเพื่อส่งออก สืบเนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรในประเทศไม่เพียงพอ รวมถึงข้อจำกัดในการนำเข้าวัตถุดิบ

5.ปัญหาการสวมสิทธิเพื่อ Re-export สินค้าไม่มีคุณภาพหรือไม่มีมาตรฐานส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้าไทยในภาพรวม

ทั้งนี้ สรท.มีข้อเสนอแนะ 7 ข้อหลัก เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐเร่งดำเนินการ ประกอบด้วย

1.กำกับดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ สอดคล้องกับทิศทางค่าเงินของภูมิภาค และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินบาทด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

2.กำกับดูแลและเร่งปรับลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน ต้นทุนพลังงาน รวมถึงชะลอการออกกฎหมาย หรือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการประกอบธุรกิจ รวมถึงกำหนดกลไกช่วยเหลือนายจ้างที่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งจะกระทบกับภาคประชาชน ในภาพรวมการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำขอให้เป็นไปตามกลไกคณะกรรมการไตรภาคี หรือคณะกรรมการค่าจ้าง

3.เร่งรัดการพิจารณาอนุมัติและเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงเพิ่มวงเงินงบประมาณสำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และเร่งรัด/ขยายการเจรจาความตกลง FTA ให้ครอบคลุมประเทศคู่ค้าสำคัญ

4.เร่งแก้ไขปัญหาโลจิสติกส์การค้า โดยเฉพาะความแออัดท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นรูปธรรม

5.เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลมาตรฐานสินค้านำเข้า เพื่อปกป้องความปลอดภัยของผู้บริโภค และให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ

6.ตรวจสอบกฎแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ เพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content) ให้มากขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศและนำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศผ่านมาตรการภาษีซ้อน (Double Taxation)

7.สานต่อนโยบายที่ดีและมุ่งเน้นสร้างความโปร่งใสในการบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่าต่อประเทศมากที่สุด ด้วยการยกระดับรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์(Digital Government) และออกกฎหมายสำหรับกระบวนการทำงานใหม่ในระบบดิจิทัลเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่น

“สรท.ได้ทำหนังสือถึงประธานสภา เพื่อทบทวน ร่างฯ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ… เนื่องจากบรรจุเข้าที่ประชุมวาระ 1 แล้ว การปรับค่าแรงขึ้น 16% จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอย่างมาก”

อย่างไรก็ดีคาดการณ์การส่งออกในปี 2569 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งจะต้องดูว่าข้อเสนอที่ สรท.ได้แนะนำให้กับรัฐบาล ว่าจะแก้ไขและสนับสนุนให้ครอบคลุมได้มากน้อยแค่ไหน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top