นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนข้างหน้าจากนี้ภายใต้การบริหารประเทศไทยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี บีโอไอจะมุ่งเน้นดำเนินการโครงการที่มีความสำคัญ หรือโครงการขนาดใหญ่เป็นลำดับแรก เพื่อให้เกิดผลจริงภายในระยะเวลาดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าจะมีอยู่ประมาณ 70 โครงการที่ขอรับการส่งเสริมแต่ยังค้างอยู่คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท จากนี้บีโอไอจะเร่งดำเนินการหารือร่วมกับทั้ง 70 โครงการดังกล่าว เพื่อให้ได้รับทราบปัญหาหรือข้อติดขัดในการดำเนินโครงการ เพื่อจะได้เข้าไปแก้ปัญหาให้ตรงจุด
“ปัญหาหลักคือเรื่องของใบอนุญาตที่มีค่อนข้างมากเราจะมุ่งเน้นเข้าไปแก้ปัญหาดังกล่าว รวมถึงกระบวนการต่างๆที่เป็นอุปสรรค เพื่อเกิดการลงทุนอย่างแท้จริงเพราะภาคเอกชนเองก็มีความต้องการที่จะเร่งการลงทุน ทุกรายที่ขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอมีความจริงจังในการทำธุรกิจ แต่ยังไม่สามารถเริ่มโครงการได้เพราะติดปัญหาดังกล่าวข้างต้น”นายนฤตม์กล่าว
ทั้งนี้เรื่องการเร่งออกใบอนุญาตก็ตรงกับที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุไว้ในที่ประชุมสภาฯ โดยจะทำระบบที่เรียกว่า Fast Pass โดยจะคัดโครงการที่มีความสำคัญซึ่งจะดำเนินการเสมือนเป็นบัตรอภิสิทธิ์แต่ยังไม่สามารถเริ่มได้ทันทีซึ่งช่วงแรกคงเน้นการแก้ปัญหาด้วยการประสานงานไปก่อน
“Fast Pass จะเป็นระบบที่ต้องอาศัยการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ทุกหน่วยงานยินยอมที่จะร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นให้ Fast Pass ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเมื่อนักลงทุนไปติดต่อหน่วยงานอื่นแล้วไม่ได้รับความร่วมมือก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นต้องระบุ (Identify) ว่าขั้นตอนสำคัญของภาคธุรกิจมีอะไรบ้าง และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เห็นภาพเดียวกัน และต้องมีสิ่งที่เรียกว่า SLA (Service Level Agreement) คือมาตกลงกันว่าตามขั้นตอนปกติสมมติใช้เวลา 100 วัน ถ้าเป็น Fast Track แล้วจะลดเหลือ 50 วันได้ไหม ก็ต้องมาตกลงกันเป็นหน่วยงานไปถึงจะสำเร็จ”นายนฤตม์กล่าว
นอกจากนี้ บีโอไอจะมุ่งเน้นเรื่องมาตรการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพราะปัจจุบันมีอุตสาหกรรมใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งพลังงานสะอาด ,เซมิคอนดักเตอร์ ,ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ,แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ,อุตสาหกรรมด้าน BCG (Bio-Circular-Green Industries Hub),ดิจิทัลขั้นสูง AI เพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
“สาขาเหล่านี้บุคลากรไทยอาจจะยังไม่มีทักษะจึงต้องเร่งสร้างในเวลาอันรวดเร็ว เพราะมีการลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยนายเอกนิติ นิติทันฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังให้ความสำคัญกับเรื่องคนเป็นพิเศษ”นายนฤตม์กล่าว
ทั้งนี้บีโอไอได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และภาคเอกชนเพื่อนำความต้องการแรงงานจากภาคเอกชน (Demand) มาผสานเข้ากับหลักสูตร (Supply) ที่อว. มี เพื่อพัฒนาบุคคลากรให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยจะอบรมสร้างทักษะในเวลาอันรวดเร็วมีการฝึกงานจริงในโรงงานโดยตั้งเป้าให้เกิดการจ้างงาน 1 แสนราย และยกระดับ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
นอกจากนี้จะมีมาตรการยกระดับผู้ประกอบการไทยเพื่อให้ปรับตัวและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในโลกยุคใหม่ได้โดยจะมุ่งเน้นเรื่องการปรับตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ทันสมัย,การใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา โดยจะใช้เครื่องมือของบีโอไอในการสนับสนุนเช่นเดียวกัน
“ใน 4 เดือนหลังจากนี้ก็จะมี 3 เรื่องสำคัญคือเร่งการลงทุน,สร้างคนและยกระดับผู้ประกอบการไทยแต่ไม่ใช่ว่าทำ 4 เดือนแล้วจบเรื่องดังกล่าวเหล่านี้ต้องทำต่อเนื่องแต่จะเริ่มต้นอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในระยะแรกภายใน 4 เดือนซึ่งในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ)วันที่ 17 ตุลาคม 2568 จะนำทั้ง 3 มาตรการเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อหารือและพิจารณาในรายละเอียดหลักเกณฑ์สำหรับการดำเนินการต่อไป”นายนฤตม์กล่าว
หากถามว่าจะเห็นทั้ง 3 มาตรการดังกล่าวเมื่อไหร่นั้นปัจจุบันรัฐบาลเองก็เร่งรัดอยู่ในทุกเรื่อง ซึ่งบีโอไอมี 4 บอร์ดสำคัญคือบอร์ดบีโอไอ,บอร์ดเพิ่มขีดความสามารถฯ ,คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้า (บอร์ด EV), และคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ หรือบอร์ดเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ โดยทั้ง 4 บอร์ดจะทยอยประชุมโดยคาดว่าภายในเดือนตุลาคมหรือไม่เกินต้นเดือนพฤศจิกายนและจะเริ่มเห็นความชัดเจนขึ้นมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี