นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ปรับวิธีการตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงเป็นนอมินีจากการที่มีคนต่างด้าวเข้ามาถือหุ้นตั้งแต่ 0.001-49.99% ใน 6 ธุรกิจเสี่ยง จำนวน 46,918 รายใหม่ โดยได้เพิ่มเงื่อนไขการตรวจสอบที่เจาะจงลึกลงไปว่าธุรกิจนั้น ๆ มีความเสี่ยงหรือน่าสงสัยที่จะเป็นนอมินีจริง จากเดิมที่ดูแค่จำนวนผู้ถือหุ้น เพื่อให้เหลือจำนวนธุรกิจที่จะตรวจสอบให้น้อยลง โดยคาดว่าหลังจากปรับหลักเกณฑ์การตรวจสอบจะเหลือธุรกิจที่ต้องตรวจสอบเร่งด่วนหลักพันราย และจะโฟกัสตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงเหล่านี้ก่อน เมื่อตรวจสอบครบแล้ว ก็จะขยายผลไปตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อยลงมาต่อไป
“การปรับจำนวนธุรกิจเสี่ยงที่จะเข้าไปตรวจสอบ จะช่วยให้โฟกัสได้ตรงจุดมากขึ้น เพราะเดิมกำหนดไว้ว่าจะตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงตั้งแต่ 1 เดือน ไปจนถึง 1 ปี ซึ่งจังหวัดที่มีนิติบุคคลเสี่ยงน้อย ก็ตรวจเร็ว แต่จังหวัดที่มีนิติบุคคลเสี่ยงสูงมาก ก็จะตรวจช้า โดยจังหวัดที่มีนิติบุคคลมาก ตั้งแต่ 6 พันถึง 1.5 หมื่นราย มีถึง 4 จังหวัด คือ ชลบุรี กรุงเทพฯ สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต แต่เมื่อปรับใหม่ จะทำให้ธุรกิจเสี่ยงเหลือน้อยลง ก็จะพุ่งเป้าไปตรวจสอบได้ตรงจุดมากขึ้น”
สำหรับธุรกิจเสี่ยง ที่จะตรวจสอบยังอยู่ในเป้าหมายเดิม คือ ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ e-commerce ขนส่งและคลังสินค้า ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการเกษตร (ล้ง) และธุรกิจก่อสร้างทั่วไป
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจที่เกาะสมุยและเกาะพะงัน ที่มีข่าวคนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจเป็นจำนวนมาก อยู่ในแผนที่กรมกำลังตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว โดยขณะนี้กำลังตรวจสอบรายใหญ่ ประมาณ 10 กว่าราย ที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม คอนโดมิเนียม ร้านอาหาร และท่องเที่ยว รวมไปถึงรายกลางรายเล็ก ที่มีอยู่ประมาณ 7 พันราย เพราะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า กรมยังได้ตั้งกองใหม่ คือ กองป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย และตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย มีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธาน ซึ่งได้กำหนดแนวทางการป้องกันนอมินีและธุรกิจผิดกฎหมาย โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการป้องกันการจดทะเบียนธุรกิจ ที่จะดูตั้งแต่การจดตั้งธุรกิจใหม่ คณะอนุกรรมการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ คณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบบัญชีธุรกิจ และคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ที่จะดูว่ากฎหมายที่กรมรับผิดชอบอยู่ จะใช้กฎหมายใดมาเอาผิดผู้ที่กระทำผิดได้
ส่วนคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศฝ่าฝืนกฎหมาย ที่หมดอายุลงตามรัฐบาลชุดก่อน ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเสนอต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ชุดใหม่ มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพราะต้องทำงานร่วมกับ 20 หน่วยงาน และยังได้เพิ่มหน่วยงานใหม่อีก 4 หน่วยงาน คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เข้ามาร่วมในคณะกรรมการฯ เพราะการทำงาน ไม่ใช่ดำเนินการกับสินค้าและธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเปิดช่องให้คนดี ธุรกิจดี ที่พร้อมอยู่ภายใต้กฎหมายได้รับการสนับสนุนด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี