‘มัลลิกา’ มอบนโนบายเร่งด่วน ขบ. วางรากฐานคมนาคมสำหรับอนาคต

‘มัลลิกา’ มอบนโนบายเร่งด่วน ขบ. วางรากฐานคมนาคมสำหรับอนาคต

วันอาทิตย์ ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.57 น.

นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม มีนโยบายสำคัญในการพัฒนาและยกระดับการคมนาคมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับประชาชนทุกคน ซึ่งกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่มีความสำคัญในการกำกับดูแล ให้ระบบการขนส่งทางถนนมีความปลอดภัย โดยได้มอบนโยบายการดำเนินการ เพื่อขับเคลื่อนตามภารกิจ ขบ. ให้สอดคล้องกับนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และนโยบายกระทรวงคมนาคม โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก

1.นโยบายเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน (Quick Win)  อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้มีความปลอดภัย ตรงต่อเวลา ราคาสมเหตุสมผล โดยพัฒนา Digital Taxi Meter เพื่อสร้างมาตรฐานค่าโดยสารที่เป็นธรรม โปร่งใส และพัฒนา DLT One APP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้บริการแอปพลิเคชั่นของ ขบ. และให้ความสำคัญสูงสุดกับมาตรฐานความปลอดภัย และการให้บริการเป็นไปตามมาตรฐาน


โดยยกระดับการกำกับดูแลผู้ขับขี่และผู้ประกอบการอย่างจริงจัง ยกระดับ GPS TWO-WAY เพื่อกำกับพฤติกรรมการขับขี่ ยกระดับการควบคุมและป้องกันอุบัติเหตุ พัฒนาใบรับรองแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Medical Certificate) เพื่อยกระดับการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขับขี่ และจัดอบรมใบขับขี่รถขนาดใหญ่ “ฟรี 10,000 คน” ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อผลิตผู้ขับขี่รถบรรทุกที่มีคุณภาพ

รวมถึงการดูแลคุณภาพของยานพาหนะในระบบขนส่งสาธารณะให้มีความสมบูรณ์ พร้อมให้บริการประชาชนโดยพัฒนาระบบกำกับดูแลสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ด้วยเทคโนโลยี CCTV และ AI ทั่วประเทศ เพื่อให้การตรวจสภาพรถถูกต้องแม่นยำ 100% พร้อมทั้งการลดภาระค่าโดยสาร โดยพิจารณาอัตราที่เป็นธรรมทั้งกับประชาชนและผู้ให้บริการ โดยต้องไม่เป็นภาระทางการเงินต่อรัฐบาล ด้วยการศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่มีคุณภาพเข้าสู่ระบบ เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านบริการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

นอกจากนี้ยังมีนโยบายผลักดันโครงการ Quick Win ให้เร่งรัดโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้สามารถเปิดให้บริการได้โดยเร็ว เช่น ศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม และศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย รวมทั้ง เร่งรัดเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติโครงการ เช่น สถานีขนส่งสินค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศ

2. การวางรากฐานด้านคมนาคมสำหรับอนาคต (Big Win) ในภาพรวม ให้ขับเคลื่อนดำเนินการ ประกอบด้วย การขับเคลื่อนการลงทุน และกำกับดูแลการก่อสร้าง ให้ส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) เพื่อลดภาระของภาครัฐและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ เช่น ศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม และศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย

การพัฒนาระบบ Feeder เชื่อมต่อระบบคมนาคมอย่างไร้รอยต่อ และยกระดับบริการขนส่งสาธารณะ โดยเร่งยกระดับบริการขนส่งสาธารณะทั้งระบบ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว โดยการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารให้ยั่งยืน และจัดทำข้อมูลการเดินรถโดยสารประจำทางในส่วนภูมิภาค เพื่อให้สามารถวางแผนการเดินทางและเชื่อมต่อกับระบบรางและสนามบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตามการทบทวนกฎหมายของตนเอง ให้มีความทันสมัย ยืดหยุ่น รองรับเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ให้ปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งให้ทันสมัย เช่น การออกประกาศเพื่อรองรับเทคโนโลยี GPS 2-WAY และการพัฒนาระบบงานตรวจการขนส่งดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายให้รวดเร็วและโปร่งใส

ทั้งนี้การสนับสนุนส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมของประเทศ เพิ่มขีดความสามารถทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งสินค้าจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วย มาตรฐานคุณภาพบริการขนส่งด้วยรถบรรทุก (Q Mark) เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระดับสากล

ในขณะเดียวกันเพื่อตอกย้ำและสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัย โดยให้พิจารณาการจัดตั้ง National Transport Safety Board สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างยั่งยืน โดยพิจารณาแนวทางการจัดตั้งองค์กรกลางด้านความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการด้านความปลอดภัย ผ่านเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.)

รวมถึงการศึกษาอัตราค่าโดยสาร ที่เหมาะสม เป็นธรรมทั้งกับผู้ให้บริการ และพี่น้องประชาชน ให้ศึกษาอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม โดยเฉพาะการพิจารณาโครงสร้างราคาสำหรับรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าที่จะเข้ามาให้บริการทดแทนรถร้อน เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่สร้างภาระให้แก่ประชาชน

สำหรับด้านการคมนาคมทางบก ให้เร่งยกระดับบริการขนส่งสาธารณะทั้งระบบ จัดให้มีระบบขนส่งสาธารณะในเมืองใหญ่ในภูมิภาค สำหรับเมืองท่องเที่ยวให้พิจารณาระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อกับสนามบินและแหล่งท่องเที่ยว และพิจารณาอัตราค่าโดยสาร ให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรม สำหรับรถโดยสารพลังงานไฟฟ้ามาให้บริการ ของ ขสมก. ที่จะเข้ามาทดแทน รถร้อนทั้งหมด

ทั้งนี้เร่งรัดดำเนินการ Quick Win ให้เห็นผลได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมได้ ภายใน 4 เดือน เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลและนโยบายของกระทรวงคมนาคม และเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในระยะเร่งด่วน พร้อมทั้งวางรากฐานด้านคมนาคมสำหรับอนาคตที่เป็น Big Win เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เพื่อ และวางรากฐานระบบคมนาคมของประเทศให้ยั่งยืน และประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนต่อไป

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า กรมฯมีภารกิจในการกำกับ ดูแล  ตรวจสอบ ตรวจตราให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงการวางแผนให้มีการเชื่อมต่อการขนส่งรูปแบบอื่น เพื่อให้ระบบการขนส่งสาธารณะเกิดความคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว  และปลอดภัยในราคาสมเหตุสมผล โดยกรมฯ ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 84 ปี และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง และจัดระเบียบการขนส่งทางบกในทุกด้าน ทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มมีความสุขในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความปลอดภัย รวมถึงการให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากล และการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางนโยบายรัฐบาล และนโยบายกระทรวงคมนาคม เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของประชาชน

ทั้งนี้กรมฯจะนำนโยบายของท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ไปพัฒนาการดำเนินงานให้ตอบสนองความต้องการ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนต่อไป

-033

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top