คาดปี'69มูลค่าสีทาอาคารลด2.4% ชี้ตลาดอนุรักษ์พลังงาน-รักสุขภาพยังไปได้

คาดปี'69มูลค่าสีทาอาคารลด2.4% ชี้ตลาดอนุรักษ์พลังงาน-รักสุขภาพยังไปได้

วันอังคาร ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นางสาววรรณโกมล สุภาชาติ   นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) เปิดเผยว่าปี 2569  มูลค่าตลาดสีทาอาคารมีแนวโน้มหดตัว -2.4%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY)  ลงมาอยู่ที่ระดับ 3.66 หมื่นล้านบาท จากการก่อสร้างภาคเอกชนที่หดตัว ไปตามภาวะตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ ซึ่งกดดันการเปิดโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ปริมาณการใช้งาน และการจำหน่ายสีทาอาคารยังคงลดลงต่อเนื่องจากปี 2568 อย่างไรก็ดี การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ยังทรงตัวได้ อาทิ โรงแรม, ศูนย์การค้า รวมถึงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารและที่พักอาศัย จะเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงให้ปริมาณการใช้งานสีทาอาคารในปี 2569  ลดลงไม่มากจากปี 2568

สำหรับราคาสีทาอาคารในปี 2568  คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 100 บาท/ลิตร ปรับตัวลดลงเล็กน้อยต่อเนื่องจากปีก่อน ตามต้นทุนวัตถุดิบสำคัญ และต้นทุนค่าขนส่ง จากทิศทางราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทั้งนี้ในปี 2569 ยังมีความผันผวนของราคาวัตถุดิบ, ราคาพลังงาน และค่าเงินบาท ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนการผลิต และการขนส่ง นับเป็นความท้าทายที่สำคัญในการรักษาอัตรากำไรของผู้ประกอบการในช่วงที่ปริมาณการใช้งานสีทาอาคาร และราคาสีทาอาคารมีแนวโน้มลดลง


ทั้งนี้ผู้ผลิตสีทาอาคารในไทยประกอบด้วยผู้ผลิตหลายรายภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ ที่มีการแข่งขันด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ครอบคลุมความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน โดยผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีการผลิตปริมาณมากจนเกิดการประหยัดต่อขนาด จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคา และได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต้นทุนน้อยกว่าผู้ผลิตรายกลางและเล็ก ทำให้ยังสามารถรักษาอัตรากำไรได้ดีกว่า ท่ามกลางภาวะต้นทุนวัตถุดิบ อาทิ เคมีภัณฑ์ และเรซิน ยังคงผันผวน นอกจากนี้ การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต จะยังช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญของการผลิตสีทาอาคาร และช่วยรักษาระดับอัตรากำไรได้

น.ส.วรรณโกมล กล่าวอีกว่า ตัวแทนจำหน่ายตามร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะยังคงเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสีทาอาคาร แต่ตลาดสีทาอาคารก็ยังมีโอกาสในการขยายการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางการจำหน่ายอื่น ๆ อาทิ ร้านโมเดิร์นเทรดที่มีบริการเครื่องผสมสีตามความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และมีสต็อกสินค้ามาก รวมถึงการจำหน่ายโดยตรงจากบริษัทผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน อีกทั้ง แนวโน้มการจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม E-commerce ที่ผู้บริโภคสามารถสร้างประสบการณ์การเลือกเฉดสีจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) และ Augmented Reality (AR) ช่วยทำให้เห็นภาพห้องหรืออาคารก่อนดำเนินการทาสีจริง

อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมการผลิตสีทาอาคารของไทยยังคงสามารถรักษาศักยภาพในการแข่งขัน แม้ว่าจะมีการนำเข้าสีทาอาคารจากจีนมากขึ้น โดยการนำเข้าสีทาอาคารจากจีนเริ่มมีสัญญาณขยายตัวที่ชัดเจนมาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2566  ทั้งนี้แม้ว่าจะมีการนำเข้าสีทาอาคารจากจีนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การผลิตสีทาอาคารในประเทศยังคงรักษาระดับการผลิตไว้ได้ เนื่องจากผู้ผลิตสีทาอาคารรายใหญ่ของไทยมีการผลิตปริมาณมากจนเกิดการประหยัดต่อขนาด ส่งผลให้สามารถแข่งขันด้านราคาได้ อีกทั้ง ผู้ผลิตไทยยังมีการผลิตสีทาอาคารหลากหลายกลุ่มครอบคลุมตั้งแต่กลุ่ม Standard & Economy ไปจนถึงกลุ่ม พรีเมียมและสีคุณภาพพิเศษ ทำให้สามารถกระจายตลาดผู้ใช้งานได้หลากหลายกลุ่ม

นอกจากนี้แนวโน้มการก่อสร้างภาคเอกชน ในส่วนของการพัฒนาอาคารที่ได้การรับรองมาตรฐานอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (Building Energy Code : BEC) ที่บังคับใช้กับอาคารขนาดใหญ่ ทั้งที่เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ อาทิ โรงแรม, ศูนย์การค้า, อาคารสำนักงาน, โรงพยาบาล, สถานศึกษา รวมไปถึงพื้นที่อยู่อาศัยที่เป็นอาคารชุดขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป จะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้งานสีทาอาคารที่ตอบโจทย์การอนุรักษ์พลังงานให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในระยะข้างหน้า อาทิ สีทาสะท้อนความร้อนและปรับอุณหภูมิภายในอาคารให้ต่ำกว่าการใช้สีทาอาคารทั่วไป ซึ่งจะช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์สีทาอาคารที่มีสารอินทรีย์ระเหยง่ายในปริมาณต่ำ (Low-VOCs) ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ด้านสุขภาวะที่สำคัญในการรับรองอาคารเขียวอย่าง LEED ที่เป็นมาตรฐานอาคารเขียวจากสหรัฐอเมริกา และ TREES ที่เป็นมาตรฐานอาคารเขียวของไทย   สำหรับในส่วนของกลุ่มผู้บริโภค พบว่า แนวโน้มการให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานท่ามกลางสภาวะอากาศที่ร้อนจัด รวมถึงสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยง ยังส่งผลให้ตลาดวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้รับความสนใจ และขยายตัวต่อเนื่องในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top