ไฟเขียวบูมท่องเที่ยว  'ครม.’เคาะ5มาตรการ  หวังดัน‘GDP’โต1%

ไฟเขียวบูมท่องเที่ยว 'ครม.’เคาะ5มาตรการ หวังดัน‘GDP’โต1%

วันพุธ ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ครม.ไฟเขียว 5 มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว หักลดหย่อนท่องเที่ยวเมืองหลัก-เมืองรอง เริ่ม 29 ตุลาคม รัฐยอมเฉือน 5,000 ล้านบาท ดันจีดีพีโค้งสุดท้ายปลายปีไม่ต่ำกว่า 1% ขณะที่ “คนละครึ่งพลัส”รอบเก็บตก 4.9แสนสิทธิ ประชาชนแห่ลงทะเบียนใหม่คนเต็มจำนวนอย่างรวดเร็วนายกฯ ย้ำเตรียมดำเนินการเฟส 2

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง แถลงมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ครอบคลุมทั้งมาตรการให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการในระยะยาว เกิดการกระจายตัวอย่างทั่วถึง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล


สำหรับมาตรการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ ครม.เห็นชอบ ประกอบด้วย 5 มาตรการย่อย ได้แก่ 1. มาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว มาตรการภาษีบุคคลธรรมดา ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดคนละ 20,000 บาท โดยนำค่าที่พักและค่าบริการร้านอาหาร ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท โดยแยกเป็น 10,000 บาทแรก ต้องมีใบกำกับภาษีในรูปแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ ส่วนอีก 10,000 บาทต้องมีใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น มาตรการนี้ให้สิทธิ์ลดหย่อนสำหรับการท่องเที่ยวเมืองรอง 1.5 เท่า ส่วนเมืองหลัก 1 เท่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. - 15 ธ.ค.2568

2. มาตรการภาษีสำหรับนิติบุคคลเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ นิติบุคคลนำค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่งหรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการอบรมสัมมนาภายในประเทศที่จัดให้แก่ลูกจ้าง และค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตามจำนวนที่จ่ายจริง โดยต้องมีใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น เว้นแต่ค่าขนส่งไม่ต้องมีใบกำกับภาษีก็ได้ แต่ต้องได้ใบรับที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

สามารถนำมาหักรายจ่ายได้ 2 เท่าสำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในจังหวัดเมืองรอง นอกจากเมืองรองหักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. - 15 ธ.ค.2568

3. มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนาของภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 (Front Load)สำหรับหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจและ อปท. ให้เร่งรัดเบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 60% นับตั้งแต่เดือน ต.ค.2568 - 31 ม.ค.2569 โดยพิจารณาดำเนินการในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง เป็นลำดับแรก และกำหนดเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการปฏิบัติราชการ (KPI) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ของหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและ อปท.

4. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนปรับปรุงโรงแรมที่พัก ให้บริษัทหรือผู้ประกอบการโรงแรมสามารถหักรายจ่ายการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ (แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม) หักได้ 2 เท่า ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.2568 - 31 มี.ค.2569 แยกเป็น หนึ่งเท่าแรก เป็นค่าสึกเหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามปกติ ส่วนเท่าที่สอง ทยอยหักเป็นระยะเวลา 20 รอบระยะเวลาบัญชีในจำนวนที่เท่ากันทุกปี

สำหรับทรัพย์สินที่หักรายจ่ายได้ ดังนี้ (1) อาคารถาวรที่มีไว้ใช้ในการประกอบกิจการโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม และ (2) เครื่องตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นส่วนประกอบและยึดติดกับอาคารตาม (1) เป็นการถาวร

5. มาตรการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีตามมูลค่าจาก 10% เป็น 5% ออกไปอีก 1 ปี มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค.2569 สำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภทที่ 17.01 ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์ ค็อกเทลเลาจน์ โดยหมายรวมถึงสถานที่ที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง ซึ่งปิดทำการหลังเวลา 24.00 น. ทั้งนี้ ได้บูรณาการความร่วมมือกับกรมการปกครองให้นำผู้ประกอบการมาจดทะเบียนสถานประกอบการ เพื่อขยายฐานภาษีสรรพสามิต

ขณะที่ นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า 5 มาตรการในครั้งนี้ จะทำให้มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปีนี้ เพิ่มจีดีพี 0.04% และเมื่อรวมในโครงการก่อนหน้าทั้งเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนละครึ่ง พลัส จะทำให้มีส่วนเพิ่มจีดีพี 0.44-0.45% โดยจะพยายามผลักดันให้เศรษฐกิจในไตรมาส 4 โตไม่ต่ำกว่า 1% ส่วนทั้ง 5 มาตรการนี้จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 5,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่จะมีค่าเสื่อมกรณีผู้ประกอบการโรงแรมที่พักปรับปรุงรีโนเวท โดยในปีแรกรัฐสูญเสียรายได้ 900 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการคนละครึ่ง พลัสซึ่งเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรอบใหม่ (รอบเก็บตก) สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิ ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้นหลาม โดยข้อมูล ณ เวลา 06.00น.ของวันที่ 21ต.ค. 2568 พบว่ามีจำนวนสิทธิคงเหลือให้ประชาชนลงทะเบียนได้อีก 496,855สิทธิ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ได้มีประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์จนเต็มจำนวนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม. ถึงโครงการคนละครึ่งพลัส ที่เปิดให้ลงทะเบียนผู้ใช้สิทธิ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา และสิทธิ์เต็มเรียบร้อยแล้ว ว่า คนละครึ่งเรียบร้อยหมดแล้ว สิทธิ์ครบหมดแล้ว เดี๋ยวมีเฟส 2

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top