วันเสาร์ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้วิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ พบว่า ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผ้าไทย มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่นำผ้าไทยมาต่อยอดเชิงพาณิชย์และเชิงวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนของปี 2568 (มกราคม-กันยายน) จดทะเบียนนิติบุคคลตั้งใหม่ 642 ราย เพิ่มขึ้น 406% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ที่มีจำนวน 127 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 205% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ที่มี 225 ล้านบาท
การจัดตั้งธุรกิจในรอบ 9 เดือนของปี 2568 เป็นกิจการขนาดเล็ก หรือ SME ทั้งหมด มีสัดส่วนบริษัทจำกัด 425 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 574 ล้านบาท และห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 217 ราย มูลค่าทุน 110 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงพลังของผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสืบสานภูมิปัญญาผ้าไทย และพัฒนาให้ทันสมัยสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
ธุรกิจผ้าไทยถือเป็นหนึ่งในธุรกิจสร้างมูลค่าสูงของประเทศ โดยมีส่วนเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเดือนสิงหาคม 2568 ไทยมีมูลค่าการส่งออกกว่า 494.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งกระแสแฟชันยุคใหม่ที่เน้นความยั่งยืน การใช้เส้นใยธรรมชาติ และการออกแบบที่สะท้อนอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น ส่งผลให้ผ้าไทยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ที่สำคัญผ้าไทยยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ อาทิ การผลักดันให้ผ้าไทยเป็น Soft Power การจัดนิทรรศการและจำหน่ายสินค้าผ้าไทย หรือโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก เพื่อสร้างกระแสการใช้ผ้าไทยในชีวิตประจำวัน ทำให้ธุรกิจผ้าไทยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น
สำหรับการส่งเสริมของกรมได้ดำเนินการผ่านโครงการ SMART Local ME-D ที่มุ่งยกระดับผู้ประกอบการชุมชนให้สามารถเชื่อมโยงตลาดเชิงพาณิชย์และตลาดดิจิทัล พร้อมเสริมองค์ความรู้ด้านการออกแบบ การตลาด และธรรมาภิบาลธุรกิจ เพื่อให้ผ้าไทยกลายเป็น Soft Power ที่สร้างรายได้ เสริมเศรษฐกิจฐานราก และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ
ปัจจุบันไทยมีนิติบุคคลธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผ้าไทยทั้งสิ้น 3,416 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 47,339 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผลิต 651 ราย ทุนจดทะเบียน 32,939 ล้านบาท และ 2.กลุ่มขายส่ง ปลีก 2,765 ราย ทุนจดทะเบียน 14,400 ล้านบาท และหากมองย้อนหลังไป 5 ปี (2563-2567) พบว่า การจัดตั้งธุรกิจมีการเติบโตที่ผันผวนและชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 แต่กลับมาเติบโตเมื่อการระบาดสิ้นสุด ทำการจัดตั้งใหม่ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเฉลี่ยอยู่ที่ 160 รายต่อปี ส่วนปี 2567 มีการจัดตั้งธุรกิจใหม่ 163 ราย ทุนจดทะเบียน 275 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในกลุ่มขายส่งปลีก
ด้านการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ มีมูลค่า 22,093 ล้านบาท มีประเทศที่เข้ามาลงทุนใน 3 ลำดับแรก คือ ออสเตรีย 16,679 ล้านบาท ญี่ปุ่น 2,733 ล้านบาท และสิงคโปร์ 1,021 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี