'รมต.ธนกร'ปลุกอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ'ฝีมือคนไทย'ก้าวสู่เวทีโลก พร้อมเยี่ยมโรงงาน'มาดามรถถัง'

'รมต.ธนกร'ปลุกอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ'ฝีมือคนไทย'ก้าวสู่เวทีโลก พร้อมเยี่ยมโรงงาน'มาดามรถถัง'

วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 15.53 น.

“รมต.ธนกร”ปลุกอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ“ฝีมือคนไทย”ก้าวสู่เวทีโลก ชูศักยภาพ S-Curve ใหม่ เสริมแกร่งเศรษฐกิจ-ความมั่นคงชาติ เยี่ยมโรงงาน“มาดามรถถัง”

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ บริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด จังหวัดปทุมธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รับฟังบรรยายสรุปและได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตต่างๆ ภายในโรงงาน


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นไปตามพันธกิจของกระทรวงฯ ในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม “อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ” เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สามารถต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอื่นได้ โดยเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคง มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างอธิปไตยทางเทคโนโลยี ลดการพึ่งพาการนำเข้าอาวุธ และสร้างรายได้ให้คนไทยผ่านการผลิตยุทโธปกรณ์ภายในประเทศ

“ผู้ประกอบการไทยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเรามีศักยภาพในการผลิตและจำหน่ายยานยนต์หุ้มเกราะในตลาดโลก ซึ่งบริษัท ชัยเสรีฯ ถือเป็นแบบอย่างที่โดดเด่นของผู้ประกอบการไทย และเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เป้าหมายที่ภาครัฐให้การสนับสนุน สอดคล้องกับนโยบาย 'Made in Thailand' และเป็นความภูมิใจของคนไทย ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อเสนอแนะ ระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย” นายธนกร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีความท้าทายหลายประการที่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยต้องเผชิญอยู่ เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูงจากอัตราภาษีนำเข้าชิ้นส่วน การขาดแคลนวัตถุดิบในประเทศ และข้อจำกัดด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) รวมถึงการแข่งขันรุนแรงในตลาดต่างประเทศจากผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีเครือข่ายทางทหารที่เข้มแข็ง

กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะการสร้างระบบนิเวศของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) การผลักดันการจัดตั้ง “เขตปลอดอากรอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ” ร่วมกับกรมศุลกากร เพื่อลดต้นทุนด้านวัตถุดิบ และ 2) การจัดตั้ง “ศูนย์สารสนเทศอัจฉริยะอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ” เพื่อเป็นฐานข้อมูลให้แก่ภาครัฐและเอกชน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ในการผลักดันให้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศกลายเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการสร้างงาน สร้างรายได้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

สำหรับบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด เป็นบริษัทสัญชาติไทย 100% ที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศมาอย่างยาวนานกว่า 57 ปี และส่งออกผลิตภัณฑ์ไปแล้วกว่า 44 ประเทศทั่วโลก ธุรกิจหลักของบริษัทฯ ครอบคลุม 3 ด้าน คือ 1. ยานเกราะ (Armor Vehicle) 2. ซ่อมบำรุงและปรับปรุง(MRO/Modernization) สำหรับยานเกราะและยานยนต์ทางทหาร และ 3. สายพานและยางรันแฟลต (Track/Run flat) โดยใช้ยางพาราในประเทศเป็นวัตถุดิบ

- 005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top