วันเสาร์ ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แหล่งข่าวจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ รฟท. ได้ลงนามในคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานชุดต่างๆ ประกอบด้วย ศึกษากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุของการรถไฟฯ คณะทำงานศึกษาปัญหาด้านกฎหมายการรถไฟฯ คณะทำงานศึกษาและติดตามการดำเนินโครงการของการรถไฟฯ และคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าการการรถไฟฯ
ทั้งนี้หลังจาก ผู้ว่าการการรถไฟฯ ได้แต่งตั้งที่ปรึกษา และคณะทำงานกลั่นกรองงานด้านต่างๆข้างต้นมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฯ เมื่อปลายปี 2567 ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในการรถไฟฯ ว่า การแต่งตั้งคณะทำงานกลั่นกรองงานเหล่านี้ ไม่ใช่เพื่อการติดตาม หรือเร่งรัดการดำเนินโครงการ แต่เป็นไปเพื่อกลั่นกรองงานหรือโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆที่จะส่งขึ้นไปให้ผู้ว่าการการรถไฟฯอนุมัติ บางโครงการเป็นไปเพื่อให้คณะทำงาน และที่ปรึกษาผู้ว่าการการรถไฟฯเข้ามาล้วงลูกได้โดยง่ายหรือไม่ โดยหลายโครงการพบว่า ที่ปรึกษาผู้ว่าการการรถไฟฯที่นั่งอยู่ในคณะทำงานชุดต่างๆ สามารถเรียกผู้รับเหมาที่มีสัญญาจ้างกับการรถไฟฯเข้าไปเจรจาเพื่อทำความตกลงก่อนเสนอเรื่องขึ้นไปยังผู้ว่าการการรถไฟฯ หรือก่อนที่การรถไฟฯจะตรวจรับงาน แม้แต่ตรวจรับงานแล้ว แต่จะยังไม่จ่ายค่างวดงานให้จนกว่าจะทำความตกลงกับคณะทำงานเสียก่อน จนมีการวิพากษ์วิจารณ์กันวงกว้างว่า ส่อมีการเรียกรับผลประโยชน์ในโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่ตนเองต้องการได้
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า เป็นที่ทราบกันดีในการรถไฟฯว่ามีเอกชนขาใหญ่รายหนึ่ง คนของขั้วรัฐบาลเดิม หากประมูลงานแล้วพ่ายแพ้ อดีตบิ๊กสำนักงานการตรวขเงินแผ่นดิน หรือ สตง. (บางราย) จะเรียกพวกพ้องในฐานะลูกน้องเก่าของตนใน สตง. เข้ามาครวจสอบโครงการ เพื่อหาช่องทางข่มขู่ให้คู่แข่งต้องยอมเปิดทางหรือถอนตัวออกไป มิเช่นนั้นทั้งบริษัทและเจ้าหน้าที่รถไฟ จะมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ สตง.ถึงขั้นโดนยัดข้อหาจนถึงที่สุด หากไม่สนองให้บริษัทเอกชนพวกพ้องของตนเอง จนทำให้เจ้าหน้าที่รถไฟที่ไม่ยอมหมดกำลังใจในการทำงาน ถึงขั้นยื่นใบลาออกกันหลายราย
"ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นยุคที่ไม่โปรงใสมากที่สุด หรือจะเรียกว่าเป็นยุคมืดมนของการรถไฟฯเลยก็ว่าได้ ที่ปล่อยให้ทีมงานที่ปรึกษา โดยการนำของที่ปรึกษาที่เคยเป็นถึงองค์กรตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่นเข้ามามีอำนาจครอบงำ โดยร่วมมือกับบริษัทเอกชนรับเหมางานการรถไฟฯขาใหญ่รายหนึ่งเดินเกมเจรจา โดยมีระดับบิ๊กในฝ่ายการช่างกลป้ายแดง ซึ่งเป็นคนที่ตนเองแต่งตั้งขึ้นมาคอยประสานงานให้ จนเป็นที่รู้กันว่า หากใครมีปัญหากับบริษัทนี้เท่ากับกำลังหาเรื่องใส่ตัว เพราะจะถูกส่งเรื่องให้ สตง.เข้ามาตรวจสอบ หากเจรจาแล้วไม่เป็นผล ถึงขั้นมีการยัดข้อหาหรือกล่าวโทษเจ้าหน้าที่"
แหล่งข่าวจากการรถไฟฯอีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า แม้ นายวีริศ อัมระปาล จะลงนามในคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งทีมที่ปรึกษา และคณะทำงานชุดต่างๆไปแล้วก่อนที่ตนจะพ้นตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฯในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า บรรดาทีมที่ปรึกษาผู้ว่าการการรถไฟฯหลายคนยังคงเกาะเก้าอี้อย่างเหนียวแน่นในคณะอนุบอร์ดการรถไฟฯชุดต่างๆ ทั้งที่ตามมารยาทเมื่อสถานะที่ปรึกษาสิ้นสุดลง ควรต้องแสดงสปิริตยื่นลาออกจากคณะอนุบอร์ดการรถไฟฯชุดต่างๆ ด้วย
“คงต้องส่งเสียงแรงๆไปยังท่านประธานบอร์ดการรถไฟฯ อย่าปล่อยผ่าน นิ่งเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ควรปลดคนเหล่านี้ออกให้หมด เพราะสไตล์การทำงานเข้มข้นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ไม่ยอมให้เกิดเรื่องฉาวโฉ่เช่นนี้ในการรถไฟฯอย่างแน่นอน ในเมื่อวันนี้ได้ตัดเนื้อร้ายในองค์กรออกไปแล้ว ก็ไม่ควรมีเชื้อมะเร็งร้ายหลงเหลืออยู่“
ผู้สื่อข่าวรายงาน ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า มีผู้หวังดีไปยื่นหลักฐานให้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หนึ่งในนักเคลื่อนไหวภาคประชาชน ที่เน้นการตรวจสอบความโปร่งใสของหน่วยงานรัฐและนักการเมือง เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วยแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี