วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (DIT) กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อติดตามการรับซื้อข้าวเปลือกใน โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โดยเปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลเสถียรภาพสินค้าเกษตร โดยเฉพาะ “ข้าว” ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ และเป็นหนึ่งใน นโยบาย Quick Big Win ของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งยกระดับรายได้และสร้างเสถียรภาพให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืนกรมการค้าภายใน จึงได้ติดตามและขับเคลื่อนมาตรการโครงการชดเชยดอกเบี้ยฯ เพื่อรองรับปริมาณข้าวเปลือกในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก
นางสาวญาณี กล่าวต่อว่า สำหรับปีการผลิต 2568/69 ในฤดูกาลนาปีคาดว่าทั่วประเทศจะมีผลผลิตรวมกว่า 26.99 ล้านตันและจังหวัดอุบลราชธานีเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะพันธุ์ “ขาวดอกมะลิ 105” ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพสูงที่เกษตรกรส่วนใหญ่ปลูก โดยในช่วงนี้ผลผลิตทยอยออกสู่ตลาดและจะออกมากในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้
โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้เริ่มดำเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ย โดยพิจารณาคุณสมบัติของโรงสีที่เข้าสมัครมาทั้งหมดและให้เริ่มรับซื้อตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มเร็วกว่าปีก่อน เพื่อให้ผู้ประกอบการและโรงสีสามารถรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรได้ทันก่อนผลผลิตออกสู่ตลาด โดยในโครงการรัฐจะชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราร้อยละ 3 เป็นระยะเวลา 2–6 เดือน เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องในการกู้เงินจากสถาบันการเงินมารับซื้อและเก็บสต็อกข้าว โดยในปีนี้มีผู้ประกอบการโรงสีให้ความสนใจเข้าร่วมมากถึง 217 ราย จาก 44 จังหวัดทั่วประเทศ รวมเป้าหมายดูดซับข้าวเปลือกกว่า 4 ล้านตัน เพื่อชะลอการจำหน่ายผลผลิตออกตลาดในช่วงต้นฤดูกาล และช่วยสร้างเสถียรภาพราคาข้าวอย่างยั่งยืน
สำหรับ จังหวัดอุบลราชธานีมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 11 ราย รวมวงเงินสินเชื่อกว่า 1,350 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณข้าวกว่า 146,400 ตัน โดยหนึ่งในโรงสีหลักคือ โรงสีข้าวยิ่งไพบูลย์ (2007) จำกัด ซึ่งได้รับจัดสรรวงเงินสินเชื่อ 370 ล้านบาท เพื่อดูดซับข้าวกว่า 30,000 ตัน จากเกษตรกรในพื้นที่ ถือเป็นโรงสีที่มีความพร้อมทั้งด้านศักยภาพการผลิตและมาตรฐานคุณภาพ ได้รับการรับรอง GMP, ISO 9001:2015 และ Halal มีกำลังการสีข้าวกว่า 200 ตันต่อวัน
นางสาวญาณี กล่าวว่า โรงสียิ่งไพบูลย์เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายในมาอย่างต่อเนื่อง การเข้าร่วมโครงการชดเชยดอกเบี้ยในปีนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้โรงสี แต่ยังช่วยให้เกษตรกรมีตลาดรองรับผลผลิตในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ให้เกิดผลจริงในพื้นที่
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังเดินหน้าสร้างความเป็นธรรมให้แก่พี่น้องเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้สำนักงานชั่งตวงวัดส่วนภูมิภาคลงพื้นที่ตรวจสอบ เครื่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุกและเครื่องวัดความชื้น ของผู้ประกอบการรับซื้อข้าวเปลือกทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่มีผลโดยตรงต่อราคารับซื้อ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรว่าการชั่งน้ำหนักและวัดความชื้นมีความเที่ยงตรง โปร่งใส และตรวจสอบได้
“กรมฯ จะดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกษตรกรขายข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรม และขอให้พี่น้องเกษตรกรเกี่ยวข้าวในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ข้าวมีความชื้นที่ได้มาตรฐาน (ความชื้น 15%) ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรได้รับราคารับซื้อที่ดีที่สุด” นางสาวญาณี กล่าว
ด้าน นายอานุภาพ ภรณ์พิริยะนิยม อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือกล่าวขอบคุณกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะโครงการชดเชยดอกเบี้ย ซึ่งช่วยเสริมกำลังให้ผู้ประกอบการโรงสีสามารถรับซื้อข้าวจากเกษตรกรได้มากขึ้น
“โครงการนี้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการชะลอผลผลิตข้าวเปลือกไม่ให้ออกสู่ตลาดพร้อมกัน ซึ่งหากเกิดขึ้นจะกระทบต่อราคาทั้งข้าวเปลือกและข้าวสาร การมีโครงการชดเชยดอกเบี้ยช่วยให้โรงสีสามารถบริหารสต็อกได้ดีขึ้น เกษตรกรขายได้ในราคาที่เหมาะสม และทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน” นายอายุภาพกล่าว
“กรมการค้าภายในจะติดตามสถานการณ์และประสานกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้โครงการชดเชยดอกเบี้ยเกิดผลเป็นรูปธรรม ช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และสร้างเสถียรภาพราคาข้าวอย่างยั่งยืนต่อไป” นางสาวญาณีฯ กล่าว
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี