‘เอกนิติ’เผยตั้ง Data Bureau บูรณาการตรวจสอบ‘เงินเทา’ โดยไม่แยกหน่วยงาน

‘เอกนิติ’เผยตั้ง Data Bureau บูรณาการตรวจสอบ‘เงินเทา’ โดยไม่แยกหน่วยงาน

วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 18.02 น.

‘เอกนิติ’เผยตั้ง Data Bureau บูรณาการตรวจสอบ‘เงินเทา’ โดยไม่แยกหน่วยงาน

5 พฤศจิกายน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินเพื่อยกระดับการติดตามตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัย ครั้งที่ 1/2568 (เงินเทา) ว่า เบื้องต้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมศุลกากร กรมสรรพากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตำรวจ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และผู้เชี่ยวชาญ จะบูรณาการการทำงานและเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินจากหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อยกระดับการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมการเงินที่ต้องสงสัย (เงินเทา) ให้มีความเป็นมาตรฐานสากล


นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้มีการหารือกรอบ และแนวทางเกี่ยวกับช่องทางการเงินที่เป็นพฤติกรรมต้องสงสัย ได้แก่ คริปโตเคอร์เรนซี เงินสด ธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงิน (Money Changer) และตลาดทองคำ โดยหากมีพฤติกรรมทางการเงินที่ต้องสงสัยเข้ามาในช่องทางดังกล่าว จะมีหน่วยงานที่กำกับดูแลเข้าไปตรวจสอบทันที

"ที่ผ่านมาพบว่าธุรกรรมการเงินที่ไหลเข้ามาผ่านช่องทางนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นพฤติกรรมการฟอกเงิน เช่น การฟอกเงินผ่านการซื้อทองคำ ผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ผ่านการซื้อรถยนต์หรู และผ่านการซื้อเพชร เป็นต้น ดังนั้นหากพบว่ามีธุรกรรมการเงินต้องสงสัยผ่านช่องทางดังกล่าวหน่วยงานที่กำกับดูแลจะใช้ข้อกฎหมายเข้าไปตรวจสอบทันที"นายเอกนิติ กล่าว

นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมฯ ได้มีการตั้งคณะทำงาน Data Bureau ซึ่งมีหน้าที่ในการเชื่อมโยงข้อมูล และข้อกฎหมายระหว่างทุกหน่วยงานมารวมกันเพื่อใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินต้องสงสัยโดยไม่ต้องแยกให้แต่ละหน่วยงานดูข้อมูลของตัวเอง

ทั้งนี้ Data Bureau จะดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. การพิสูจน์ตัวตนว่าเป็นใคร บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล เป็นนอมินีหรือไม่ 2. พฤติกรรมต้องสงสัย เช่น แจ้งว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทย แต่มีเงินไหลเข้าออกเยอะ หรือแจ้งเป็นนักธุรกิจเข้ามาทำธุรกิจโรงแรม แต่มีเงินไหลเข้าออกผิดปกติ และ 3. ตรวจสอบเรื่องการไหลเข้าออกของเงิน

“ครั้งนี้เราไม่ได้แก้ปัญหาเฉพาะกรณี แต่เราจะแก้ทั้งระบบ โดยจะยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลพฤติกรรมการเงินต้องสงสัยทั้งหมด มีการใช้เคสตัวอย่างจากดีอี หรือกระทรวงยุติธรรมมาลองดูว่าเคสตัวอย่างนี้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานไหน บริษัทเป็นใคร นอมินีหรือไม่ มีพฤติกรรมต้องสงสัยหรือไม่ มีเงินไหลเข้าออกอย่างไร ส่วนเรื่องทองคำที่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้กฎหมายไหนในการกำกับดูแล” นายเอกนิติ กล่าว

นอกจากนี้ ดีอีอยู่ระหว่างการเร่งจัดทำกฎหมายเพื่อปิดช่องโหว่ในธุรกรรมที่อาจจะยังไม่มีกฎหมายครอบคลุมไปถึง หรือมีกฎหมายกำกับดูแลชัดเจน โดยเฉพาะทองคำ เนื่องจากปัจจุบันมีพฤติกรรมต้องสงสัยที่เกิดขึ้นจากทองคำค่อนข้างมาก โดยจะมีการเอาข้อมูลจากส่วนต่าง ๆ มาเติมแต่งเพื่อให้มีความครอบคลุมมากที่สุด

นายเอกนิติ ยังกล่าวว่า คณะทำงาน Data Bureau ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย จะเร่งไปหารือในรายละเอียดทั้งหมด และกลับมารายงานภายใน 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน ในการยกระดับการติดตามตรวจสอบเส้นทางการเงินต้องสงสัย โดยเป้าหมายแรกคือ อยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบการกำกับดูแลทางการเงินที่ได้มาตรฐานสากลโดยเฉพาะแฟตเอ็กซ์ (FATF) และยืนยันว่าทุกอย่างจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม

“ภายในเดือน ธ.ค. ทุกอย่างจะต้องเสร็จ จะต้องได้ระบบที่จะกำกับดูแลธุรกรรมการเงินต้องสงสัยของไทยที่มีมาตรฐานหรือดีกว่ามาตรฐานสากล” นายเอกนิติ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top