นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับ 4 สมาคมภาคการเกษตร ได้แก่ สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และสมาคมการค้าพืชไร่ เพื่อเปิดโอกาสรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะอย่างเต็มที่ โดยมีการขอให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือด้านแหล่งน้ำ เมล็ดพันธุ์ ต้นทุนการผลิต ( ปุ๋ย ยาปราบฯ น้ำมัน) และหาตลาดรองรับผลผลิต และมาตรการอื่นๆ

“เราจะนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) วันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ เพื่อจัดทำมาตรการเพิ่มเติมที่เหมาะสม”

นางศุภจี กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รับฟังข้อมูลและข้อเสนอจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน เพื่อนำไปกำหนดแนวทางดูแลชาวนา ชาวไร่ และผู้ประกอบการในห่วงโซ่การผลิตให้ครอบคลุม รวมถึงได้หารือแนวทางให้เกษตรกรบางส่วนทดลองปลูกพืชทดแทนในพื้นที่ที่เหมาะสม พร้อมหาแนวทางสนับสนุนด้านเงินทุน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น

ปีนี้มีปริมาณข้าวเปลือกส่วนเกินในตลาดราว 3–4 ล้านตันข้าวเปลือก กระทรวงพาณิชย์เตรียมมาตรการดูดซับผลผลิตออกจากระบบ เช่น การผลิตข้าวถุงเพื่อจำหน่ายผ่านหน่วยงานรัฐ รวมทั้งเร่งผลักดันการเจรจาส่งออกข้าวแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อระบายผลผลิตออกสู่ตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้สมาคมการค้าพืชไร่ ได้มีข้อเสนอให้คงมาตรการในการกำหนด ราคารับซื้อ ข้าวโพดสด (ความชื้น 30%) ราคา 7.05 บาท/กก. และข้าวโพดแห้ง (ความชื้น 14.5%)  ณ หน้าโรงงานอาหารสัตว์ ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ราคา 9.80 บาท/กก. รวมถึงกำกับการรับซื้อโรงงานอาหารสัตว์ ให้มีความคล่องตัว  ซึ่ง ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด กำกับดูแลการรับซื้ออย่างเข้มข้น ตรวจสอบการรับซื้อหากพบการรับซื้อที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข และไม่เป็นธรรม จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไป