กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชูนวัตกรรมด้านสุขภาพ และ Age Tech หนุน บริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชูนวัตกรรมด้านสุขภาพ และ Age Tech หนุน บริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย

วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 09.26 น.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนับสนุนธุรกิจบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสุขภาพ และ Age Tech เสริมระบบบริหารจัดการธุรกิจ พร้อมประสานความร่วมมือสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย (SHSTA) วางแนวทางขับเคลื่อนยกระดับมาตรฐานธุรกิจ พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และเสริมสร้างองค์ความรู้ให้สมาชิกในเครือข่ายธุรกิจ รองรับการขยายตัวของสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ สิ่งสำคัญ คือ ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำ ‘เศรษฐกิจแห่งการมีอายุยืนยาว (Longevity Economy)’ และศูนย์กลางบริการ Wellness & Senior Living ที่มีคุณภาพระดับภูมิภาคอาเซียน ดึงเม็ดเงินจากผู้สูงอายุทั่วโลกให้เข้ามาใช้บริการในประเทศไทย

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย (SHSTA) และสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เตรียมจัดงานเสวนาวิชาการ ‘Shaping the Future of Senior Healthcare: Now & Next for Better Living 2025’ ระหว่างวันที่ 11 - 12 ธันวาคม 2568 ณ ห้อง Auditorium สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อใช้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการแพทย์ เทคโนโลยี นวัตกรรมการดูแลผู้สูงอายุ และการพัฒนาธุรกิจบริการสุขภาพ นอกจากนี้ จะมีการจัดนิทรรศการแสดงนวัตกรรมและการสร้างเครือข่ายธุรกิจด้านสุขภาพทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นถึงนวัตกรรมที่จะสามารถนำมาช่วยต่อยอดระบบบริหารจัดการธุรกิจ และแสดงถึงความทันสมัยของเทคโนโลยี และ Age Tech ที่จะนำมาเป็นผู้ช่วยในการดูแลผู้สูงอายุได้อย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ และเหมาะสมกับสรีระศาสตร์ของผู้สูงอายุแต่ละช่วงวัย/แต่ละคน ซึ่งจะช่วยให้การดูแลผู้สูงอายุมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับบริการ (ผู้สูงอายุ) และสนองความคาดหวังของลูกหลานที่ต้องการการบริการที่ดี ช่วยอำนวยความสะดวกแก่บุพการีในช่วงบั้นปลายอย่างมีความสุขและถูกต้องตามหลักสากล


ทั้งนี้ ความร่วมมือของ 3 หน่วยงานไม่ใช่เพียงการสนับสนุนเชิงนโยบายเท่านั้น แต่เป็นการร่วมกันลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ช่วยสร้างระบบนิเวศธุรกิจบริการสุขภาพที่มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล มีความโปร่งใส สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้รับบริการและนักธุรกิจที่ต้องการเข้ามาลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นพลังสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ ตั้งแต่การเริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจ การยกระดับมาตรฐาน การนำนวัตกรรม เทคโนโลยี และ Age Tech มาช่วยเสริมระบบบริหารจัดการธุรกิจ ไปจนถึงการเจรจาจับคู่ธุรกิจและขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายในการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้รับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้ง ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำ ‘เศรษฐกิจแห่งการมีอายุยืนยาว (Longevity Economy)’ และศูนย์กลางบริการ Wellness & Senior Living ที่มีคุณภาพระดับภูมิภาคอาเซียน ดึงเม็ดเงินจากผู้สูงอายุทั่วโลกให้เข้ามาใช้บริการในประเทศไทย

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ประมาณ 14.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 21 ของประชากรทั้งประเทศ ส่งผลให้ไทยก้าวเข้าสู่ ‘สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์’ สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการด้านการดูแลสุขภาพ การอยู่อาศัย และคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ จำนวนผู้สูงอายุที่อยู่อาศัยลำพังก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความท้าทายของภาครัฐในการดำเนินการและจัดการกับปัญหาดังกล่าว รวมถึง เป็นโอกาสของภาคธุรกิจ/นักลงทุนในการเข้ามาลงทุนในธุรกิจและพัฒนาธุรกิจบริการสุขภาพรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้สูงวัยในอนาคต จึงนับเป็นธุรกิจที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก”

“ข้อมูลจาก DBD Data Warehouse+ ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 มีนิติบุคคลธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ 609 ราย และเพิ่มเป็น 679 ราย ในปี 2566 (เพิ่มขึ้น 70 ราย หรือ 11.50%) ก่อนขยับเป็น 759 รายในปี 2567 (เพิ่มขึ้น 80 ราย หรือ 11.79%) โดยมีรายได้รวมแตะ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) มีนิติบุคคลประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ 840 ราย ทุนจดทะเบียนรวมกว่า 4,400 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพการเติบโตของตลาดธุรกิจบริการดูแลผู้สูงอายุที่ขยายตัวสอดรับกับโครงสร้างสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ” อธิบดีพูนพงษ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย

- 030 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top