บีโอไอปลุกพลังบริษัทไทย ขับเคลื่อนการลงทุน4.47แสนล้าน

บีโอไอปลุกพลังบริษัทไทย ขับเคลื่อนการลงทุน4.47แสนล้าน

วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า การลงทุนในไทยในปี2568 เติบโตต่อเนื่อง โดยช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2568) นักลงทุนไทยยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยมีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบริษัทที่มีหุ้นไทยข้างมาก 840 โครงการมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 447,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99%สะท้อนขีดความสามารถด้านการลงทุนของภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะสาขาที่ไทยมีศักยภาพสูง 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มเกษตร-อาหาร-เทคโนโลยีชีวภาพกลุ่มธุรกิจบริการทั้งในภาคท่องเที่ยว ขนส่งและโลจิสติกส์และบริการทางการแพทย์ กลุ่มดิจิทัล กลุ่มสาธารณูปโภคสำหรับภาคอุตสาหกรรม กลุ่มชิ้นส่วนเครื่องจักรและชิ้นส่วนยานยนต์

ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 กลุ่มเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ มีมูลค่าการลงทุนกว่า 31,000 ล้านบาท เป็นหนึ่งในสาขาหลักที่ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพ และได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องจากบีโอไอ เช่น บจ. พรีเซิร์ฟ ฟู้ด สเปเชียลตี้ผลิตอาหารและวัตถุดิบเพื่อรองรับตลาดอาหารสุขภาพและอาหารที่พัฒนาให้มีคุณสมบัติพิเศษเพื่อเสริมสุขภาพ  บจ.เอ็กโซติค ฟู้ดผู้ผลิตอาหารไทยพร้อมรับประทานและซอสปรุงรสส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก บมจ.ไอ-เทลคอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตและส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงมูลค่าสูง   บจ. เซาท์แลนด์รีซอร์ซ ผู้ผลิตยางแท่งโปรตีนต่ำ  บจ. เมดีซ กรุ๊ป ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเซลล์บำบัดและสเต็มเซลล์เป็นการต่อยอดนวัตกรรมสุขภาพขั้นสูงจากงานวิจัยสู่การลงทุนเชิงพาณิชย์ของไทย


กลุ่มธุรกิจบริการทั้งในภาคท่องเที่ยวขนส่งและโลจิสติกส์ และบริการทางการแพทย์มีมูลค่าการลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท สำหรับกิจการท่องเที่ยว มีการลงทุนกิจการโรงแรมหลายแห่ง เช่น บจ. วัน พญาไท และ บจ. ภูเก็จพอร์ต กิจการขนส่งทางอากาศ เช่น บมจ. การบินไทยและ บจ. ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ กิจการขนส่งทางเรือเช่น บมจ. อาร์ ซี แอล และ บจ. สยามลัคกี้มารีน กิจการบริการทางการแพทย์ เช่น บจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ บจ. วัฒนะวิภา บจ. โรงพยาบาลจุฬารัตน์ระยอง เป็นต้น

กลุ่มดิจิทัลมีมูลค่าการลงทุนกว่า 140,000 ล้านบาทเงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกิจการ Data Center ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของประเทศโดยมีโครงการที่ลงทุนโดยผู้ประกอบการไทย เช่น บริษัท ไทย ดีซี วัน  และบริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์                   กลุ่มสาธารณูปโภคสำหรับภาคอุตสาหกรรมมีมูลค่าการลงทุนกว่า 93,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเช่น แสงอาทิตย์ ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ มีตัวอย่างโครงการสำคัญ เช่น บจ. อีสานพลังงานสะอาดบจ. บลู สกาย วินด์ พาวเวอร์ และ บจ. บลูเวฟ เพาเวอร์ บจ. กันกุล โซลาร์ พาวเวอร์เจนนอกจากนี้ก็มีกิจการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่รองรับการขยายตัวของการลงทุนเช่นบจ.อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ บมจ. เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล บจ. อุบลราชธานี ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นต้น

กลุ่มชิ้นส่วนเครื่องจักรและชิ้นส่วนยานยนต์มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 3,400 ล้านบาท  เช่น บจ. ซี.ซี.เอส.แอดวานซ์ เทค ผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ บจ. ไซออนโมบิลิตี้ ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า บจ. โปรเฟนเดอร์  ผู้ผลิตชิ้นส่วนระบบกันสะเทือนสำหรับยานพาหนะการลงทุนในกลุ่มนี้สะท้อนความเข้มแข็งของห่วงโซอุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีสูงซึ่งเป็นฐานสำคัญของเศรษฐกิจแห่งอนาคต

“บีโอไอให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยโดยที่ผ่านมามีบริษัทไทยจำนวนมากที่ได้รับการส่งเสริมจนเติบโตจากSMEs เป็นบริษัทขนาดใหญ่และออกไปสู่ตลาดโลก การขอรับการส่งเสริมบีโอไอกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 ล้านบาท และถ้าเป็น SMEs ที่มีหุ้นไทยข้างมากก็จะได้รับการผ่อนปรนเงื่อนไขเงินลงทุนขั้นต่ำเหลือเพียง 5 แสนบาทและยังอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรใช้แล้วในประเทศได้บางส่วนเพื่อลดต้นทุน อีกทั้งยังจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมพิเศษ คือ วงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น2 เท่าของโครงการทั่วไปอีกด้วย เพื่อเป็นแต้มต่อให้กับ SMEs ไทยด้วย”นายนฤตม์กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top