กรมพัฒน์ไล่บี้นอมินีพุ่งเป้ากลุ่มทุนต่างชาติพื้นที่เสี่ยง

กรมพัฒน์ไล่บี้นอมินีพุ่งเป้ากลุ่มทุนต่างชาติพื้นที่เสี่ยง

วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงของคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมายระดับจังหวัดทั่วประเทศ ใน 6 กลุ่มธุรกิจ ว่า ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 34 จังหวัด รวม 404 ราย และกรมกำลังดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานการกระทำความผิดของธุรกิจกลุ่มเสี่ยงที่มีลักษณะนอมินี ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) จำนวน 11 ราย และได้ตรวจสอบนิติบุคคลเป้าหมายกลุ่มเสี่ยง ซึ่งเป็นกลุ่มทุนต่างชาติขนาดใหญ่ในพื้นที่เสี่ยงสูงและส่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวม 61 ราย

โดยนิติบุคคลกลุ่มทุนต่างชาติ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก พื้นที่ต่างจังหวัด จำนวน 34 ราย แบ่งตามประเภทธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเกี่ยวเนื่อง 10 ราย โรงแรม รีสอร์ต ที่พัก 7 ราย บริการให้คำปรึกษา 5 ราย ธุรกิจก่อสร้าง 3 ราย ธุรกิจนำเที่ยว 1 ราย ธุรกิจเหมืองแร่ 1 ราย ธุรกิจร้านอาหาร 1 ราย และธุรกิจอื่น ๆ 6 ราย และกลุ่มสอง พื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 27 ราย แบ่งตามประเภทธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจซื้อมาขายไป ขายปลีก ขายส่ง 11 ราย ธุรกิจตัวแทนนายหน้านำเข้าส่งออก ชิปปิ้ง 4 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเกี่ยวเนื่อง 3 ราย ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต 1 ราย ธุรกิจคลังสินค้า 1 ราย ธุรกิจบริการ (ให้คำปรึกษา จัดแสดงสินค้า รับจัดการ) รวม 7 ราย  


ทั้งนี้ ยังมีกลุ่มทุนต่างชาติขนาดใหญ่อีกชุดหนึ่งที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบและคัดกรองข้อมูล รวม 763 ราย โดยแบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 448 ราย พื้นที่ต่างจังหวัด จำนวน 315 ราย

สำหรับ 6 ธุรกิจเสี่ยงที่ตรวจสอบ ได้แก่ 1.ธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก 2.ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ 3.ธุรกิจ e-Commerce ขนส่ง และคลังสินค้า 4.ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต 5.ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร และ 6.ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป

“กรมจะดำเนินการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย โดยเน้นการตรวจสอบแบบเชิงลึก พุ่งเป้ามากขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการค้า และส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม โดยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเข้มข้น แต่ขณะเดียวกันก็จะปรับกระบวนการทำงานเพื่อให้นักลงทุนชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้รับความสะดวกมากที่สุด”นายพูนพงษ์กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย (คสธก.) มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานกรรมการ รมว.พาณิชย์ เป็นรองประธาน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศและอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นเลขานุการ

คสธก. มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดนโยบายและมาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อบูรณาการหน่วยงานในการป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ด้วยการสั่งให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐปฏิบัติงานภายในขอบเขตหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย รวมทั้งขอความร่วมมือภาคเอกชนเพื่อให้ดำเนินการตามนโยบายและมาตรการเร่งด่วน และติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้เท่าทันและความเข้าใจสถานการณ์ต่อประชาชน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top