JLL มองภาพอสังหา ปี 69 จะเป็นปีที่นักลงทุนให้ความสนใจในทรัพย์ ในกลุ่ม ดาต้าเซ็นเตอร์, นิคมอุตสาหกรรม-คลังสินค้า และโรงแรม

JLL มองภาพอสังหา ปี 69 จะเป็นปีที่นักลงทุนให้ความสนใจในทรัพย์ ในกลุ่ม ดาต้าเซ็นเตอร์, นิคมอุตสาหกรรม-คลังสินค้า และโรงแรม

วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 10.32 น.
Tag :

นายกฤช ปิ่มหทัยวุฒิ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าหน่วยธุรกิจบริการด้านการลงทุน "โจ แลง ลาซาล" (Jones Lang LaSalle หรือ JLL) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังเผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจมหภาค ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ยังสูง หนี้ครัวเรือนที่กดทับกำลังซื้อ และตัวเลขเศรษฐกิจหลายด้านที่ยังอ่อนแรง ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นนักลงทุนยังถูกกระทบจากเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย เช่น คดีลักพาตัวนักแสดงซิงซิง และเหตุอาคารถล่มจากแผ่นดินไหว ส่งผลต่อตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ทำให้เดือน ก.ย. 2568 มีผู้เดินทางเข้ามาเพียง 33 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่หวังจะกลับไปแตะระดับ 40 ล้านคนเหมือนปี 2562

แม้มีความท้าทายมาก แต่ JLL เชื่อว่าไทยยังมีศักยภาพฟื้นตัวสูง และปี 2569 จะเป็นปีที่นักลงทุนให้ความสนใจในทรัพย์ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ดาต้าเซ็นเตอร์, นิคมอุตสาหกรรม-คลังสินค้า และโรงแรม โดยเฉพาะอสังหาฯ อุตสาหกรรมที่ได้แรงหนุนจาก BOI, กระแส China Plus X และการย้ายฐานการผลิต ซึ่งทำให้ตลาดเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนผ่านยอดขายพื้นที่อุตสาหกรรมของผู้พัฒนารายใหญ่ที่พุ่งกว่า 4 เท่า ตั้งแต่ปี 2564 พร้อมโอกาสการจ้างงานเพิ่มในอนาคต


ดาต้าเซ็นเตอร์ยังเป็นดาวเด่น ด้วยดีมานด์จากบริการคลาวด์และ AI ประกอบกับข้อได้เปรียบของไทย ทั้งไฟฟ้าสำรองสูงถึง 25%, ที่ดินพร้อมรองรับ และนโยบายภาครัฐที่ชัดเจน ขณะที่สิงคโปร์ซึ่งเป็นคู่แข่งเริ่มมีข้อจำกัดด้านการขยายตัว ทำให้นักลงทุนหันมาไทยมากขึ้น

ภาคโรงแรม แม้นักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่การลงทุนยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี โดยปี 2567 มีดีลซื้อขายกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท และปีนี้แตะ 2.6 หมื่นล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นต่อศักยภาพการท่องเที่ยวไทย แม้ปี 2569 คาดว่าการซื้อขายจะกลับสู่ระดับปกติราว 1.3 หมื่นล้านบาทก็ตาม ประเทศไทยยังต้องเร่งเพิ่มความสามารถแข่งขันกับเวียดนาม โดยใช้จุดแข็งด้านแหล่งท่องเที่ยว อาหารไทย การผ่อนคลายวีซ่า มาตรการอำนวยความสะดวก การจัดอีเวนต์ใหญ่ และการยกระดับความปลอดภัย เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวระยะยาว

ด้านอาคารสำนักงาน เทคโนโลยีและ ESG กลายเป็นปัจจัยสำคัญ ทั้งระบบอัตโนมัติ เครื่องมือบำรุงรักษาดิจิทัล และแนวคิดประหยัดพลังงานที่ช่วยลดต้นทุนได้ 15–20% อีกทั้งประสบการณ์ผู้เช่าและความยืดหยุ่นในการใช้งานกลายเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้เช่าได้ต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่เช่าสำนักงานในกรุงเทพฯ ณ ไตรมาส 3/2568 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.88 ล้าน ตร.ม. สูงกว่าก่อนโควิด 6 แสน ตร.ม. โดยส่วนใหญ่เป็นการย้ายจากอาคารเก่าและอาคารนอกเมืองเข้าสู่ตึกใหม่คุณภาพสูง

องค์กรจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z-friendly ให้ความสำคัญกับพื้นที่ทำงานที่สะท้อนแบรนด์และมาตรฐานด้าน ESG เช่น ห้องน้ำไร้เพศ หรือพื้นที่ละหมาด ขณะที่หลายบริษัทใช้โอกาสที่มีตัวเลือกตึกคุณภาพสูงมากขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพพื้นที่เพิ่มขึ้น 10–30% กลุ่มธุรกิจที่เป็นแรงผลักดันหลักของตลาดยังคงเป็นสายบริการวิชาชีพ การเงิน และเทคโนโลยี ที่ต้องการพื้นที่สำนักงานพร้อมบริการครบวงจรเพื่อลดภาระการย้ายเข้า

-032

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top