วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยธุรกิจจัดหาและรับเหมาแรงงาน (Outsource) ขยายตัวโดดเด่น ทั้งจำนวนรายใหม่ รายได้ และผลกำไร สอดรับเทรนด์ธุรกิจใช้แรงงานทักษะเฉพาะทาง หลังบริษัทๆนิยมจ้างมาทำงาน ทั้งการทำบัญชี บริการลูกค้า ดูแลระบบเครือข่ายไอที พัฒนาแอปพลิเคชัน และการอบรมพนักงาน เพื่อลดต้นทุนบริหารธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเติบโตรวดเร็ว พร้อมยกระดับศักยภาพธุรกิจไทยสู่ยุคดิจิทัล
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์สถิติ จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลและผลการนำส่งงบการเงินล่าสุด ประจำเดือนตุลาคม 2568 พบว่า ธุรกิจจัดหาและรับเหมาแรงงาน (Outsource) มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านจำนวนผู้ประกอบการ รายได้ และผลกำไร สอดคล้องกับตลาดที่มีความต้องการแรงงานทักษะและประสบการณ์เฉพาะด้าน ซึ่งการจ้างคนทำงานในรูปแบบ Outsource จะช่วยลดปัญหาขาดแคลนพนักงาน รวมถึงลดต้นทุนการจ้างงาน และช่วยให้องค์กรเกิดการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว
โดยธุรกิจกลุ่มนี้ครอบคลุมการให้บริการจ้างงานชั่วคราวและการจัดหาทรัพยากรมนุษย์ แบ่งลักษณะงานออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.งานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางธุรกิจ อาทิ บัญชี บริการลูกค้า 2.งานเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น การดูแลระบบเครือข่าย และการพัฒนาแอปพลิเคชัน และ 3.งานทรัพยากรบุคคล เช่น การสรรหาและการฝึกอบรมพนักงาน
นายพูนพงษ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีนิติบุคคลในธุรกิจจัดหาและรับเหมาแรงงาน (Outsource) 2,958 ราย ทุนจดทะเบียน 9,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153 ราย คิดเป็น 5.45% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2567 โดยช่วง 10 เดือนของปี 2568 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 266 ราย ทุนจดทะเบียน 411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38 ราย คิดเป็น 16.67% ทั้งนี้หากวิเคราะห์ 3 ปีย้อนหลัง (2565-2567) จะมีค่าเฉลี่ยการจัดตั้งธุรกิจใหม่อยู่ที่ 266 รายต่อปี โดยธุรกิจนี้เกือบทั้งหมดมีขนาดเล็ก (S) 2,679 ราย คิดเป็น 90.57% ขนาดกลาง (M) 220 ราย คิดเป็น 7.44% และขนาดใหญ่ (L) 59 ราย คิดเป็น 1.99%
ทั้งนี้ผลประกอบการของธุรกิจ Outsource มีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2567 อยู่ที่ 97,271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,103 ล้านบาท คิดเป็น 4.40% เมื่อเทียบกับปี 2566 ขณะที่กำไรสุทธิในช่วงปี 2565-2567 เฉลี่ยปีละกว่า 2,472 ล้านบาท โดยปี 2567 มีกำไร 2,643 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.80 ล้านบาท คิดเป็น 1.88% เมื่อเทียบกับปี 2566
โดยแนวโน้มดังกล่าวสะท้อนว่ากลุ่มธุรกิจ Outsource เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดแรงงานยุคใหม่ เพราะเป็นตัวช่วยที่เข้ามาแก้ปัญหาด้านบุคลากรให้กับธุรกิจได้อย่างตรงจุด การจ้างพนักงานที่มีทักษะเฉพาะตามที่องค์กรต้องการเข้ามาเสริมทีมในการทำงาน หรือขยายงานให้กว้างออกไป ทำให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นภารกิจหลักได้เต็มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดีธุรกิจอาจต้องเผชิญความท้าทายด้านการหมุนเวียนพนักงาน หรือการลาออกที่ส่งผลให้การทำงานไม่มีความต่อเนื่อง รวมไปถึงการรักษาความลับหรือความปลอดภัยของข้อมูลองค์กรที่ต้องธุรกิจต้องวางรูปแบบการทำงานอย่างรอบคอบ
“กรมฯเชื่อว่าธุรกิจจัดหาและรับเหมาแรงงาน หรือ Outsource จะยังคงเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง และมีบทบาทสำคัญในการยกระดับศักยภาพองค์กรไทย เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ในเศรษฐกิจยุคใหม่ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของอุตสาหกรรม Business Process Outsource ซึ่งประเมินว่าธุรกิจดังกล่าวจะขยายตัวเฉลี่ยกว่า 9% ต่อปี ไปจนถึงปี 2030 โดยปี 2567 มีมูลค่าเศรษฐกิจรวม 303 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มบริการทางการเงิน ไอที และโทรคมนาคม ที่เป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจนี้”นายพูนพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี