วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยเดือนพฤศจิกายน 2568 มีมูลค่า 27,445.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ที่ 7.1% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 11.8% เนื่องจากส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตามวัฏจักรขาขึ้นของคอมพิวเตอร์ และการเติบโตของเทคโนโลยีสมัยใหม่ AI ส่งผลให้ภาพรวมของสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวสูง ส่งผลสินค้าอุตสาหกรรมภาพรวม ขยายตัว 12.2% ขยายตัวต่อเนื่อง 20 เดือน ขณะที่ยังเผชิญปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยังคงสร้างความไม่แน่นอนต่อการค้าในระยะข้างหน้า ด้วยสัญญาณการชะลอตัวของตลาดสำคัญ เช่น จีน ญี่ปุ่น CLMVและการส่งออกสินค้าเกษตรไทยคงอยู่หดตัว 9.5 % ผลจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการแข่งขันตลาดโลกรุนแรง
สำหรับการนำเข้าเดือนพฤศจิกายนมูลค่า 30,172.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 17.6% จึงทำให้ไทยขาดดุล 2,726.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลต่อภาพรวม 11 เดือนแรกปี 2568 ส่งออกมีมูลค่ารวม 310,706.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12.6% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 13.7% ส่วนการนำเข้ามูลค่า 315,662.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12.4% และไทยขาดดุล 4,956 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้หากคิดเป็นเงินบาท เดือนพฤศจิกายน 2568 ส่งออก 890,204 ล้านบาท ขยายตัว 4.7% นำเข้า 991,244 ล้านบาท ขยายตัว 15% ขาดดุล 101,040 ล้านบาท โดยภาพรวม 11 เดือนแรกปี 2568 ส่งออก 10,207,181 ล้านบาท ขยายตัว 5.2% นำเข้า 10,493,934 ล้านบาท ขยายตัว5% ขาดดุล 286,753 ล้านบาท ดูรายตลาดส่งออกสำคัญ ไทยยังขาดดุลจีน และได้ดุลการค้ากับสหรัฐ
นายนันทพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเดือนธันวาคม คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออก 25,000-26,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะส่งผลให้ส่งออกทั้งปี2568 ขยายตัว 11.6-12.1% ซึ่งขยายตัวมากกว่าที่คาด โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล การดำเนินมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯกับจีน และประเทศต่างๆผ่อนคลายลงกว่าช่วงต้นปี สำหรับปี 2569 คาดว่าจะเติบโตชะลอลง จากภาวะเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าสำคัญที่ชะลอตัว ผลของมาตรการภาษีสหรัฐฯ เริ่มชัดเจนขึ้น ปัญหาด้านราคาและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลต่อขีดความสามารถทางการแข่งขัน ซึ่งเริ่มมีผลต่อการส่งออกสินค้าที่มีมาร์จินต่ำ เช่น อาหาร สินค้าเกษตร จากราคาสินค้าที่แข่งขันได้ยากจากบาทแข็งแล้ว 17.5% รวมถึงยังมีปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ และปัญหาสภาพอากาศรุนแรงจะส่งผลต่อสินค้าเกษตร
“การทำงานของกระทรวงพาณิชย์ในปี 2569 จะเร่งเจรจาความตกลง Reciprocal Trade กับสหรัฐฯ ให้แล้วเสร็จ พร้อมกับเพิ่มความเข้มงวดเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้า รวมถึงกวาดล้างธุรกิจนอมินี และเดินหน้าเจรจาและผลักดันการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ สร้างแต้มต่อทางการค้า และร่วมมือกับภาคเอกชนผลักดันเป้าหมายการส่งออกให้เติบโตท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนที่ยังมีต่อเนื่องในปีหน้า รวมกับฐานตัวเลขส่งออกปี2568 สูง คาดปี2569 แนวโน้มส่งออกอยู่ในกรอบ ติดลบ 3.3% ถึงบวก 1.1% มูลค่า 3.23 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 3.37 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ” นายนันทพงษ์ กล่าว... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/economy/news_5521180
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี