UNCTADชี้ไทยขึ้นแท่นเบอร์ 1 ความหลากหลายผลิตภัณฑ์ของโลก

UNCTADชี้ไทยขึ้นแท่นเบอร์ 1 ความหลากหลายผลิตภัณฑ์ของโลก

วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag :

นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลกและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการกีดกันทางการค้าผ่านนโยบายภาษี แต่ในขณะเดียวกันภูมิภาคอาเซียนยังคงแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งและบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก แม้ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 และ 2569 จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 2.6% แต่จากการวิเคราะห์ของ UNCTAD พบว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงอาเซียนยังคงมีสัญญาณบวก โดยคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ 4.3% ในปี 2568 และ 4.2% ในปี 2569 ซึ่งถือเป็นกลไกหลักที่ช่วยประคองการเติบโตของโลก 


                ทั้งนี้โดยเฉพาะประเทศไทยที่รายงานระบุชัดเจนว่ายืนอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบที่สุดจุดหนึ่งในกลุ่มประเทศ Global South และมีความโดดเด่นอยู่ที่การครองอันดับ 1 ในดัชนีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ (Trade Product Diversity Index) อาทิ ความสามารถในการกระจายฐานการส่งออกครอบคลุมทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรมการผลิต และสินค้าแปรรูปมูลค่าสูง ด้วยคะแนน 1.02 ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก ซึ่งความหลากหลายนี้จะเป็นเกราะป้องกันทางการค้าที่สำคัญ เมื่อต้องเผชิญกับพายุภาษีศุลกากรใหม่จากสหรัฐฯ แม้ไทยจะได้รับผลกระทบจากภาษีเพิ่มเติมในอัตราประมาณ 10% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในกลุ่มคู่ค้าที่ถูกเรียกเก็บใหม่ แต่การมีฐานสินค้าและคู่ค้าที่หลากหลายจะช่วยให้ไทยปรับตัวและสลับไปใช้ตลาดทดแทนได้ทันทีเมื่อเกิดความผันผวน พร้อมทั้งเอื้อให้ประเทศไทยสามารถในการปรับสมดุลและบริหารความเสี่ยงทางการค้าได้ดี และรองรับแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
               


 อย่างไรก็ตามจากรายงาน TDR 2025 ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงภาวะที่ภาคการเงินเข้ามามีบทบาทเหนือภาคการผลิตจริง (Financialization) โดยเฉพาะในตลาดสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งไทยเป็นผู้เล่นหลัก ปัจจุบันรายได้ของบริษัทค้าอาหารยักษ์ใหญ่ทั่วโลกกว่า 75% มาจากการเป็นตัวกลางทางการเงินมากกว่าการขายสินค้าจริง ภาวะนี้ส่งผลให้ราคาเกิดความผันผวนและกระทบต่อเกษตรกรต้นน้ำโดยตรง ประกอบกับปรากฏการณ์การเร่งส่งออกล่วงหน้า (Frontloading) เพื่อเลี่ยงภาษีในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ที่กำลังจะหมดลง ยิ่งซ้ำเติมให้การค้าโลกเข้าสู่ภาวะชะลอตัวที่แท้จริง ดังนั้นเพื่อให้ประเทศไทยและประชาคมอาเซียนให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องเน้นแนวทางปฏิบัติเชิงรุก ผ่านการสร้างความร่วมมือในภูมิภาค ควบคู่ไปกับการสร้างห่วงโซ่คุณค่าในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเศรษฐกิจสีเขียว นอกจากนี้ รายงานยังชี้ชัดว่าการค้าบริการกำลังเติบโตเร็วกว่าการค้าสินค้าแบบดั้งเดิม ไทยและอาเซียนจึงต้องเร่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อคว้าโอกาสในกลุ่มบริการออนไลน์ (Digitally Deliverable Services) ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ในการสร้างความมั่งคั่ง 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top