จับกระแสพลังงาน : 30 ธันวาคม 2568

จับกระแสพลังงาน : 30 ธันวาคม 2568

วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.

 

** บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์นี้ (29 ธ.ค.68 – 2 ม.ค.69)...ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลาที่ทวีความรุนแรงเนื่องจากสหรัฐฯ ยกระดับมาตรการคว่ำบาตรและปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมัน ส่งผลให้น้ำมันดิบหลายล้านบาร์เรลค้างอยู่บนเรือและสร้างความกังวลต่ออุปทานโลก ขณะที่จีนออกมาประณามการกระทำของสหรัฐฯ ทำให้เพิ่มแรงกดดันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ท่ามกลางสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อ แม้สหรัฐฯ จะพยายามผลักดันการเจรจาสันติภาพ แต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ เนื่องจากความขัดแย้งเรื่องดินแดนเป็นอุปสรรคหลัก นอกจากนี้ อุปทานจากคาซัคสถานยังเผชิญปัญหาเนื่องจากปริมาณการส่งออกน้ำมันผ่านท่อ CPC ในเดือนธันวาคมลดลงถึง 33% จากแผนเดิม เหลือเพียง 1.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดในรอบ  14 เดือน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฯ ตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ขยายตัวสูงถึง 4.3% ต่อปี นับเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบสองปี ส่งผลให้ตลาดมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมช่วงปลายเดือน  ม.ค. 69 ซึ่งจะกดดันราคาน้ำมัน....ไทยออยล์...คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 55-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล…ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 58-68 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล…**งานประชุมวิชาการนานาชาติ Asia Nuclear Business Platform หรือ ANBP ครั้งที่ 10 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 9 – 11 ธันวาคม 2568 และร่วมบรรยายในหัวข้อ “Thailand’s Preparations for Nuclear Power”…ซึ่งนายศิริวัฒน์ เจ็ดสี รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าร่วมงานด้วย...และกล่าวภายในงานว่า...  ประเทศไทยมีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR ที่คาดว่าจะถูกบรรจุไว้ในร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2024) จำนวน 600 เมกะวัตต์ เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก โดย กฟผ. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลระบบไฟฟ้าของประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมสำหรับโรงไฟฟ้า SMR ในทุกมิติอย่างต่อเนื่องภายใต้กรอบมาตรฐานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ที่ครอบคลุมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 19 ประการ ทั้งการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนโครงการ การประสานงานกับหน่วยงานที่กำกับนโยบายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การสร้างความเข้าใจและการยอมรับในสังคม การศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นของโครงการ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร ตลอดจนการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ เพื่อยืนยันว่าประเทศไทยมีความพร้อมและสามารถดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า SMR ได้ โดยยึดหลักการ “3S” ของ IAEA ได้แก่ ความปลอดภัย (Safety) ความมั่นคงปลอดภัย (Security) และการพิทักษ์ความปลอดภัย (Safeguards) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์จะเป็นไปอย่างโปร่งใสและปลอดภัยในทุกขั้นตอน....สำหรับงานประชุมวิชาการนานาชาติ ANBP จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ในภูมิภาคอาเซียน และการดำเนินงานสำหรับโครงการพลังงานนิวเคลียร์ในอนาคต โดยผู้แทนบริษัทด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียนต่างมองว่า พลังงานนิวเคลียร์จะเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด เพราะเป็นพลังงานสะอาดที่มั่นคง เชื่อถือได้ เนื่องจากสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง และไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี 2050 ไทยจึงตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจาก SMR รวม 600 เมกะวัตต์ และอินโดนีเซียตั้งเป้าที่ 500 เมกะวัตต์ ส่วนเวียดนามตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากทั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่และ SMR มากถึง 12,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ฟิลิปปินส์ ตั้งเป้าไว้ที่ 4,800 เมกะวัตต์...** แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศยุบสภาฯไปแล้วก็ตาม...แต่คณะอนุกรรมการพยากรณ์และจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ“ที่มี นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เป็นประธานที่แต่งตั้งโดยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ก็ยังคงเดินหน้าทำหน้าที่เร่งจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ ให้แล้วเสร็จ  เพื่อให้นำมาใช้ทดแทน แผนPDP2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่ใช้อย่างเป็นทางการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และไม่เป็นแผนที่ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน  แม้ว่าขั้นตอนในการอนุมัติเพื่อให้ แผนPDPฉบับใหม่ที่ถูกนำมาใช้ได้จริงจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ก่อนก็ตาม....** บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Japan Credit Rating Agency (JCR) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น อยู่ในระดับ “A” และแนวโน้ม “มีเสถียรภาพ” (Stable) ซึ่งเป็นระดับที่เทียบเท่ากับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย สะท้อนความเชื่อมั่นต่อบริษัทในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องระดับสากลที่อยู่ในกลุ่มน่าลงทุน จากปัจจัยสนับสนุนที่มีพอร์ตโฟลิโอธุรกิจไฟฟ้าที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการมีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว…JCR พิจารณาว่าอันดับความน่าเชื่อถือของ EGCO อยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับความน่าเชื่อถือทางเครดิตของทั้งกลุ่มบริษัท เนื่องจาก EGCO มีอำนาจควบคุมบริษัทย่อยและบริษัทร่วมค้า มีบทบาทเป็นศูนย์กลางในการกำหนดกลยุทธ์และการจัดหาเงินทุนของกลุ่มบริษัท ความน่าเชื่อถือทางเครดิตของกลุ่มบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในตลาดไฟฟ้าของประเทศไทย และความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพ จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นอกจากนี้ JCR ยังคาดหมายว่าบริษัทจะขยายการลงทุนทั้งโครงการในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าในพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งจะสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรที่มั่นคงในอนาคต…**


** กระบองเพชร**

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top