“นิว - ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต” กับบทบาทที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ
“ไอ้ขวัญ” ในภาพยนตร์รักอมตะ “แผลเก่า”
เพียงเปิดตัวรอบสื่อมวลชนก็ทำเอาผู้คน ฮือฮา .. ที่งานนี้มีพี่น้องพ้องเพื่อน ดารานักแสดงมากมายตบเท้าเข้าร่วมงาน ซึ่งต่างก็ได้ชมชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ชื่นชมปิติยินดีกับ “แผลเก่า” เวอร์ชั่น 2014 และเอ่ยเป็นเสียงเดียวว่า “หนังดี นักแสดงเล่นดี กำกับดีเยี่ยม” บางคนถึงกับน้ำตาไหลคลอ ความรักของไอ้ขวัญกับอิเรียมทำไมเป็นเช่นนี้ หลายๆ คนอาจจะกังขากับบท ไอ้ขวัญ-อิเรียม ที่ได้ พระเอก/นางเอก ชื่อฝรั่งมาสวมคาแร็คเตอร์ในครั้งนี้ แต่อยากให้ไปพิสูจน์กันว่า ชื่อพระ/นาง ฝรั่งนี้แหละที่จะทำให้คุณตราตรึงใจไม่รู้ลืม กับ “แผลเกา เวอร์ชั่น 2014”
วันนี้จะพาไปดูสิว่า “นิว - ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต” กับบทบาท “ไอ้ขวัญ” นักแสดงนำครั้งแรกจะหนักหน่วงและทำให้ผู้ชมตรึงตา จดจำได้แค่ไหน
บทบาท-คาแร็คเตอร์
คาแร็คเตอร์ของ “ไอ้ขวัญ” ในเวอร์ชั่นนี้ก็จะเหมือนเป็นผู้ชายนักเลงๆ แล้วก็เป็นลูกผู้ชายจริงๆ ลูกผู้ชายตัวจริงไม่ได้รังแกคนทั่วไปที่ไม่มีทางสู้ แต่ว่าจะคอยช่วยเหลือคนที่โดนรังแก อย่างที่คุยกับหม่อม หม่อมอยากจะได้คนที่อารมณ์ค่อนข้างเหวี่ยงไปมาตลอดเวลา เปลี่ยนค่อนข้างเยอะ ถ้าดีใจก็ดีใจสุด ถ้าเสียใจก็เสียใจสุด โกรธก็โกรธสุด แต่ละอย่างมันจะเปลี่ยนเร็วมาก อารมณ์จะเปลี่ยนเร็วมาก
เรื่องราวของ “แผลเก่า”
ก็จะเป็นเรื่องราวความรักของขวัญกับเรียม คือขวัญจะเห็นเรียมมาตั้งแต่เด็ก หลงรักผู้หญิงคนนี้มานาน แล้วก็รักผู้หญิงคนนี้อยู่คนเดียว ไม่เคยมีแฟนมาก่อน รักคนนี้คนเดียวก็พยายามตามจีบตามคุยแต่เขาก็ไม่คุยด้วย ด้วยเหตุที่ว่าเหมือนบ้านเรากับบ้านเขาไม่ถูกกันเรื่องที่นา ก็จะมีคลองมากั้นตรงกลาง ฝั่งนึงก็ของเรา ฝั่งนึงก็ของเขา ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่เราก็คอยแอบมอง คอยดูเขาตลอดเวลา
พอทั้งสองอายุย่างเข้า 18-19 เป็นวัยหนุ่มคึกคะนอง มันก็เกิดความท้าทายความกล้าขึ้นมาที่จะแบบเราอยากคุย อยากเจอ แล้วก็จีบกันไปจีบกันมาจนรักกัน แต่ก็โดนผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัวห้ามให้รักกัน ห้ามยุ่งเกี่ยวกัน แต่ลูกชายกับลูกสาวดันมารักกันจนเกิดเรื่องบานปลายกลายเป็นโศกนาฏกรรมขึ้น
เวอร์ชั่นนี้แตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆ ยังไงบ้าง
แตกต่างกันทุกอย่างนะครับ ผมว่ามันเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่มากกว่า คือมันมาจากนวนิยายเรื่องเดียวกันก็จริง แต่มันก็เป็นการตีความใหม่ของผู้กำกับทั้งเรื่องราวและมีการเสริมเติมแต่งหลายๆ ตัวละครเข้ามาเป็นสีสัน รวมถึงให้ร่วมสมัยมากขึ้น หนังของคุณเชิดจะเน้นเรื่องความดราม่าหนักมาก เวอร์ชั่นนี้ก็จะมีดราม่าหนักเหมือนกัน แต่ก็จะมีคอเมดี้เข้ามาเสริมมาแทรกให้ความแรงของเรื่องมันมีทั้งเศร้าทั้งตลกหลากหลายอารมณ์
แต่ถ้าถามว่าจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ ผมว่าก็น่าจะเป็นการเอานิยายอมตะเรื่องหนึ่งของไทยสมัยก่อนที่เขียนเมื่อ 70-80 ปีที่แล้วมาทำในยุคสมัยนี้ แล้วก็ตีความใหม่โดยใส่ความเป็นปัจจุบันเข้าไปได้ผสมผสานกันอย่างลงตัวพอสมควร
ถือเป็นเป็นการแสดงที่หนักที่สุดในชีวิต
ก็น่าจะหนักที่สุดในชีวิตที่เคยแสดงมาแล้วครับ จากที่เป็น “เคน” (ใน “จันดารา”) ที่หนักที่สุดในชีวิต พอมาเป็น “ขวัญ” นี่จะยากกว่าเยอะครับ คือโดยลุคภายนอกคล้ายๆ กันคือเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นโบราณเหมือนกัน แต่เคนอาจจะทำงานสบายกว่านะ อยู่ในบ้านรวยหลังใหญ่ที่เลี้ยงดูค่อนข้างดี แต่ขวัญจะอยู่ในทุ่งบางกะปิที่ไม่มีใครเลย อยู่กับพ่อสองคน
ต้องมีการปรับลุคภายนอกด้วย
ใช่ครับ ก็อาจจะตัวใหญ่ขึ้นหน่อย เพราะหม่อมอยากให้ตัวใหญ่กว่าเดิม มีการฟิตเนสเพิ่มมากขึ้น ตอนเคน กระทิงทองน้ำหนักประมาณ 69 กิโล ตอนเล่นเป็นขวัญนี่แตะ 75 กิโล ตัวจะใหญ่กว่าเคน สีผิวก็จะดำขึ้น สีผิวของขวัญก็เป็นชายไทยสมัยก่อน ก็จะทำนาอยู่กับแดด ตากแดดเลี้ยงควาย สีผิวก็เป็นไปตามนั้น ก็คือจะดำขึ้นตามสภาพของแดด
ก่อนการถ่ายทำต้องไปซ้อมอะไรหลายอย่างที่สุพรรณบุรีด้วย
เราต้องไปเรียนทำนา การหว่าน การดำ การไถ่นาด้วยควาย การปลูกต้นกล้า ย้ายต้นกล้า รวมไปถึงการขี่ควายที่เราจะต้องอยู่กับมันตลอด ไปซ้อมกับไอ้เรียวตัวจริงเลย การขี่มัน บังคับมัน พามันไปอาบน้ำ พาไปดื่มน้ำ พามันไปกินอาหารทานหญ้า รู้วิถีชีวิตของชาวนาเลย ชอบควายมากกก . . . ส่วนตัวผมชอบขี่ควายมาก สนุกมาก ชอบจริงๆ เราไปฝึกอยู่กับมันประมาณ 3-4 เดือนก่อนเปิดกล้อง ก่อนซ้อมอย่างอื่นก็ไปขี่ควายเลย ไปอยู่ที่บ้านควาย บางทีก็อาทิตย์ละสองวัน ก็ไปอยู่กับควายตัวนี้ที่ชื่อไอ้เสาร์ ทุกครั้งที่ไปก็ตัวนี้ตัวเดียว ฝึกให้คุ้นชิน
เข้าฉากครั้งแรกกับควายเป็นยังไงบ้าง
สนุกครับ (หัวเราะ ...) ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย ไม่มีอะไรที่ผิดพลาด เพราะว่าอย่างที่บอกคือเราไปอยู่กับมันมานานหลายเดือนแล้ว ทำให้ความคุ้นชินของเรากับมันก็เยอะ รวมถึงมันเป็นควายที่ถูกฝึกมาอย่างดี แล้วก็เคยผ่านผลงานทางภาพยนตร์, โฆษณามาแล้วด้วยเหมือนกัน ไอ้เสาร์เคยผ่านมาหมดแล้ว เผลอๆ อาจจะประสบการณ์มากกว่าผมอีก (หัวเราะ . . ) เพราะมันเล่นมาหลายเรื่อง
มีซ้อมคิวแอ็คชั่นด้วย
ก็สนุกครับ ก็มีเรียนคิวกระบองเพิ่มขึ้น ก็ฝึกซ้อมอยู่นานพอสมควร คิวกระบองนี่จะเป็นคิวอันหลังๆ ที่หม่อมเพิ่มเข้ามา
กดดันหรือหนักใจแค่ไหนกับนักแสดงบทนำเต็มตัวครั้งแรก
ครับ เยอะมาก เพราะจริงๆ แล้วพอพูดถึง “แผลเก่า” มันก็หนีไม่พ้นเรื่องของดราม่าโศกนาฏกรรม เรื่องของความรัก บางทีมันก็เป็นของคู่กันกับแผลเก่า ก็ต้องซ้อมต้องฝึกต้องเรียนรู้พอสมควร เคยพูดว่าตอนที่เล่น “จันดารา” เป็น “เคนกระทิงทอง” เป็นเรื่องที่หนักที่สุดในชีวิตตั้งแต่เคยเล่นมา แต่ตอนนี้ก็คงต้องพูดอีกครั้งหนึ่งว่า เรื่อง “แผลเก่า” นี้เป็นเรื่องที่หนักที่สุดจริงๆ หนักทุกๆ ด้านเลย รวมถึง ทั้งขี่ควาย ร้องเพลงเต้นกำรำเคียว ฉากบู๊ รวมถึงฉากดราม่า หลายๆ อย่างผสมกันมันก็หนักมาก
ร่วมงานกับ “ใหม่ ดาวิกา” เป็นครั้งแรก
ก็ดีครับ ตั้งแต่ตอนซ้อม ตอนเวิร์คช็อปก็มีการเจอกันก่อน มีการพูดคุย มีการซ้อมกันที่บ้านหม่อมก่อน มันก็ทำให้เราเหมือนสนิทกันมากขึ้น มาเข้าฉากมันก็ง่ายกันมากขึ้น จากตอนแรกที่ไม่รู้จักกันเลย เรียกได้ว่าไม่เคยเจอเลยดีกว่า ผมไม่เคยเจอตัวจริง พอรู้ว่าจะได้เล่นด้วยกันก็รู้สึกเครียด กดดันเหมือนกัน เพราะเค้าก็นางเอกพันล้าน เราก็เล่นหนังมาไม่กี่เรื่องเอง เราก็เหมือนเครียดๆ กลัวๆ กล้าๆ
กับพี่ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์” มาเล่นเป็นพ่อเรา เป็นยังไงบ้าง
ดีมากครับ รู้สึกดีใจมาก สนุกมาก วันแรกที่ได้เข้าฉากกับพี่อ๊อฟเลยก็มีความสุขมาก ทุกฉากที่ได้เล่นกับพี่อ๊อฟ เหมือนเราอยากเล่นกับพี่อ๊อฟมานานแล้ว อย่างในเรื่อง “จันดารา” ก็เหมือนจะได้เล่นด้วยกันเพราะว่าอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เล่นด้วยกันเลย
ประทับใจฉากไหนมากที่สุด
ถ้าในส่วนตัวผมอย่างที่บอกไป ผมชอบฉากกับพ่อ ผมชอบฉากกับพี่อ๊อฟ เรียกได้ว่าทุกๆ ซีนเลย ทั้งในเรื่องของบทที่มันเป็นบทที่สนุก แล้วก็เหมือนเป็นพ่อลูกที่น่ารักด้วย รวมถึงเบื้องหลังข้างนอกที่ตัวพี่อ๊อฟเองคอยสอนคอยแนะนำตลอดเวลา มันเหมือนเราได้ความรู้ทั้งในด้านของการทำงานและนอกการทำงานด้วย เค้าก็จะคอยสอนตลอดวลา
โลเกชั่นเรื่องนี้
โลเกชั่นเรื่องนี้ส่วนใหญ่แล้วร้อยละ80 ผมอยู่สุพรรณบุรีนะ ทั้งในส่วนของนาขวัญเอง หรือบ้านเรียมเอง บ้านขวัญหรืออะไรก็แล้วแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่สุพรรณบุรี ก็จะเป็นอยู่กับทุ่งนา อาจจะเข้าบางกอกบ้างแต่ว่าก็ไม่ได้เยอะเท่าที่สุพรรณ
ซึ่งทุ่งนาเปรียบเสมือนตัวละครในเรื่องด้วย
จริงๆ แล้วทุ่งนามันเป็นตัวแปรหลักสำคัญตัวแปรหนึ่งของเรื่องนี้ ด้วยการที่เราถ่ายทำกันแล้วระยะเวลาถ้าเกิดเอาจริงๆ ก็ประมาณ 5 เดือนมกราถึงพฤษภา แต่ถามว่าใช้ทุกวันมั้ยก็ไม่ได้ใช้ทุกวัน แต่ทำไมถึงต้องใช้ขนาดนี้ก็เพราะว่าตัวแปรหลักเลยคือนา
เรื่องนี้จะสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตประเพณีของคนไทย
ผมว่าเป็นอาชีพเป็นวิถีชีวิตของคนไทยเลยก็ว่าได้ที่อยู่กับตรงนี้มาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันปีที่คนไทยทำตรงนี้มาเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนี้ ที่สมัยนี้อาจจะเห็นได้น้อยลง แต่เราก็พร้อมที่จะรักษามันไว้และอยากจะให้คนรุ่นใหม่ๆ ได้เห็น
คุ้มมากได้เรียนรู้ทักษะทางด้านนี้
ก็เป็นกำไรอีกอย่างหนึ่งนะครับที่เราได้เรียนรู้ตรงนี้ ทั้งในเรื่องของการเกี่ยวข้าว บางทีเราก็ไม่รู้หรอกนะเรื่องเกี่ยวข้าวเนี่ย ถามว่ารู้มั้ยว่าการทำนาคืออะไร ก็คือการไถนาเสร็จแล้วก็หว่านนา แล้วก็รอข้าวขึ้นแล้วก็เกี่ยวเนี่ยคือการทำนา แต่จริงๆ แล้ววิธีการทำมันเยอะกว่านั้นเยอะ บางทีพูดมาสี่ขั้นตอนจริงๆ อาจจะมีซักสิบ
ผู้ชมจะได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง
แน่นอนอย่างแรกเลยในแง่ของคำว่าภาพยนตร์ต้องได้ความสนุกสนานได้ความบันเทิงกลับไป แต่ว่าในส่วนที่มีความหมายแฝงอยู่ในนั้น อย่างแรกเลยคือความรักขวัญเรียม รวมถึงความรักของลูกกับพ่อที่ขาดแม่ ความรักของคนกับสัตว์ และที่เห็นอีกอันหนึ่งก็คือความรักของเพื่อน กลุ่มเพื่อนที่แต่ละคนก็มีนิสัยแตกต่างกันออกไป เราจะได้เห็นสิ่งตรงนี้จากหนังเรื่องนี้
ก็อย่าลืมไปติดตามชมกันนะครับ “แผลเก่า” เวอร์ชั่น 2014 จะเป็นอย่างไร วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ครับ
เจฟฟ์ มารา
@jeffmarajeff
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี