ต่อจากสัปดาห์ที่แล้วสำหรับเรื่องราวของ สตาร์เรโทร “แมน” วทัญญู มุ่งหมาย เจ้าของฉายา “แมวเก้าชีวิต” ที่เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยทุกบทบาทจากความสามารถล้วนๆ ไม่มีงานไหนที่ไม่เคยจับ ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดง ดีเจ พิธีกร และ นักพากย์ เมื่อชีวิตคนเรามีจุดพีคสู่สูงสุดแต่แล้ววันหนึ่งทุกสิ่งที่เคยมีเคยเป็นกลับสูญสลาย จากนักร้อง นักพูด ประกวดอันดับหนึ่งของประเทศ วันหนึ่งกลับประสบอุบัติเหตุจนไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง งานทุกอย่างต้องพังทลายลงทั้งที่กำลังอยู่ในช่วงสูงสุดของชีวิต เขาจะฝ่าวิกฤติได้อย่างไร กับแง่คิด มุมมองชีวิต และการตัดสินใจพลิกชีวิตใหม่อีกครั้ง ที่ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า ขอนำเสนอให้ได้ติดตามกันต่อ
เข้าสู่งานด้านการแสดง
มันเป็นช่วงพีคงานทุกอย่างเข้ามาพร้อมกันทั้งเป็นผู้ประกาศข่าว พิธีกร ดีเจ นักร้อง และก็มีงานด้านการแสดงผมมีโอกาสได้เล่นละครให้กับเจเอสแอล คือมันมาจากที่ผมเริ่มต้นไปเป็นแขกรับเชิญในรายการ และช่วงนั้นผมได้มีโอกาสเล่นละครเรื่องแรกกับ เรื่อง “เมฆินทร์พิฆาต” ทางช่อง 3ตอนนั้นเขามองว่าแม้เราจะตัวเล็กแต่เสียงของเรามีอำนาจบทบาทแรกเลยเป็นทหารเอกของ “ธัญญา โสภณ” แล้วมีพระเอกเป็น “พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง”แล้วหลังจากนั้นมีโอกาสได้เล่นเป็นพระเอกเต็มตัวมาเรื่อยๆ เริ่มจากภาพยนตร์เรื่องแรกของประเทศไทยที่ไปถ่ายที่เมืองจีนตอนที่เมืองจีนเปิดประเทศใหม่ๆ เรื่อง “เรารักกันนะที่ปักกิ่ง” มี อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ และผมเล่นเป็นพระเอกคู่กับคุณนิด-อรพรรณ วัชรพล โดยมี คุณศุภักษร เป็นผู้กำกับ และ อาจารย์ไพรจิตร ศุภวารี เป็นคนชักชวนผมถือเป็นผู้ชักนำเข้าวงการการแสดงแบบเต็มตัวครับ หลังจากนั้น แม่แป๊ด พระประแดง และ พลเอกธันวาคม ทิพยจันทร์ได้แนะนำผมให้รู้จักกับที่ คุณพรพจน์ กนิษฐเสน และมีโอกาสได้เล่นละครเรื่อง “ปีกมาร” และเรื่อง “พรหมจารีย์สีดำ” เรื่องนี้ได้รับเข้าชิงเป็นนักแสดงดีเด่นในสาขาภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังมีละครช่อง 3 เรื่อง “ลานลูกไม้” ซึ่งเป็นพระเอกเรื่องแรกของช่อง 3 ประกบคู่กับ หมิว-ลลิตา ซึ่งเล่นละครเป็นนางเอกเรื่องแรก และภาพยนตร์เรื่อง “วัยเปรี้ยว” คู่กับ คุณมาช่า วัฒนพานิชรวมถึงละครเรื่อง “มายา” เล่นกับคุณ เหมียว-ชไมพร เรื่อง “ชีวิตเปื้อนฝุ่น” เรื่อง “บัวแล้งน้ำ” ซึ่งทุกเรื่องเป็นพระเอกทั้งหมดและได้แสดงคู่กับนางเอกที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น
มีโอกาสจับงานหลากหลาย
ผมมีโอกาสจับงานหลากหลายและเป็นช่วงเวลาเดียวกันมันเยอะมาก ทั้งพิธีกร นักร้อง นักแสดง นักจัดรายการวิทยุ นอกจากได้เป็นผู้ประกาศรายการชายคนแรกของช่อง 7 แล้ว หลังจากนั้น คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ได้ให้โอกาสผมไปพากย์หนังดังสุดสัปดาห์ทางช่อง 7 และผมยังได้มีบริษัทภาพยนตร์มาติดต่อให้ไปพากย์เสียงเรื่องต่างๆ เป็น คุณวรุฒ วรธรรม, คุณบิณฑ์
บรรลือฤทธิ์, คุณวิลลี่ แมคอินทอช และเสียงของ ทอม ครูซ และผมยังมีโอกาสพูด สปอตโฆษณาหลากหลาย อาทิ “ทุ่งข้าวมอลต์ เบียร์สิงห์เบียร์ไทย”
เข้าสู่ช่วงวิกฤติของชีวิต
เมื่อมีสูงสุดวันหนึ่งก็ต้องมีดร็อปลง เป็นช่วงวัยเบญจเพส อายุ 25 พอดีตอนนั้นถือเป็นช่วงวิกฤติที่สุดของชีวิต และมันพอดีกับที่ผมลองตัดสินใจเปลี่ยนบทบาทมาเล่นร้ายครั้งแรกเรื่อง “ตำรับรัก” มีคุณ “บดินทร์ ดุ๊ก” เป็นพระเอก แล้วหลังจากนั้นก็มีเรื่อง “ข้าวเปลือก” แสดงคู่กับ เต๋า-สมชาย เข็มกลัด และ แคทรียา อิงลิช เรียกได้ว่าแจ้งเกิดในบทร้ายเลยครับ แต่อยู่ๆ ทุกอย่างมันต้องพังทลายมันเป็นช่วงที่ผมเล่นหนังเรื่อง “เพราะว่าฉันรักเธอ” พระเอกกับนางเอกเป็น หมิว-ลลิตา กับ หนุ่มเสก และผมเดินทางไปถ่ายหนังเรื่องนี้ที่ต่างจังหวัดผมเอาคอตตอนบัดปั่นหูแล้วลืมว่ามันค้างอยู่ผมเลยเอามือไปตบหูอย่างแรงจนแก้วหูทะลุ แล้วมันเป็นช่วงเดียวกับที่ผมต้องอัดเพลงอัลบั้มชุดที่สองเสียงดร็อปเลยครับ เพราะหูไม่ได้ยินเสียงดนตรีต้องพักการร้องเพลงเรียกว่าจุดวิกฤติเลย อัลบั้มชุดที่สองขายไม่ได้เลยเพราะเสียงเพี้ยนอะไรเพี้ยนหมดเข้าห้องอัดไม่ได้เลย ร้องเพลงที่ไหนก็ไม่ได้ทีนี้มันพังทลายไปเลยนะครับช่วงนั้น
หายจากวงการ
ผมหายจากวงการไปเกือบ 5 ปี แต่จริงๆ ก็ยังมีผลงานอยู่บ้างหลังจากนั้นก็รับบทร้ายมาเรื่อยๆ และ มีร้องเพลงประกอบละครเรื่อง “อรุณสวัสดิ์”ที่ หนุ่ม-ศรราม เป็นพระเอก ทุกวันนี้ก็ยังมีคนรู้จัก และเพลงประกอบละครอีกมากมาย
จากพระเอกมาเป็นบทร้ายเสียใจไหม
“ไม่เสียใจมันเป็นกฎ เราก็เรียกว่าจริงๆ ปัจจุบันนี้ยังมีความรู้สึกว่าเล่นเป็นตัวร้ายมันสนุกกว่า คือสมัยนี้แม้แต่พระเอก นางเอกยังต้องร้ายได้ด้วยเราเป็นคนแรกๆ เลยที่เขาเรียกว่าใส่ใจในเรื่องของบท ผมค่อนข้างจะละเอียดที่ไม่ได้รับเล่นละครอีกหลายเรื่องเพราะว่าส่วนมากผู้จัดละครจะรู้ว่านิสัยผมเป็นยังไงจะขอดูบทก่อนบทนี้สำคัญไหม บทนี้ขึ้นอยู่กับใครมีความสำคัญกับตัวละครไหม แต่คุณแดงเขาเป็นคนที่มองคนออก เขาเห็นตาผมดุ ท่านเลยให้ผมไปเล่นร้าย การแสดงของผมมักจะอยู่ที่การใช้สายตาสื่อสารด้วย”
ผ่านช่วงวิกฤติได้อย่างไร
“ใช้ธรรมะเข้าช่วย คือการปลง เพราะตอนนั้นเราทำอะไรไม่ได้เลย เสียงพูดก็เพี้ยน จากเป็นคนที่ร้องเพลงชนะเลิศประกวด ชนะเลิศด้านการพูดกลายเป็นเรากลับไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ขึ้นเครื่องบินก็ปวดหู คนทุกคนมันจะมีช่วงเวลานั้น เราก็ใช้ธรรมะเข้าช่วย มองว่ารูปรสกลิ่นเสียงต่างๆ มันไม่แน่นอนก็คือ เพราะฉะนั้นปัจจุบันก็คือหลังจากผ่านวิกฤติตรงนั้นออกมาได้ เราก็มองคนอื่นที่เขาแย่กว่าเรามองคนอื่นที่ไม่ประสบความสำเร็จเลยเขาพลาดพลั้ง แต่ยังกลับยืนขึ้นมาได้ เราก็ต้องดูว่าถ้าเราทำอยู่อย่างเดิมที่เราทำมันไม่ใช่แล้วเราอย่าไปทำ เราต้องทำอะไรที่มันดีขึ้น ผมเลยตัดสินใจกลับไปเรียนหนังสือเพื่อที่จะเพิ่มความรู้มากขึ้นผมเรียนคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แล้วมาต่อปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเรียนต่อคณะนิเทศศาสตร์ ปริญญาโทอีกหนึ่งใบที่มหาวิทยาลัยเกริก ในขณะที่เรียนก็ยังทำงานเป็นผู้ช่วยกรรมการบริหารให้กับสถาบันภาษาบริติชอเมริกัน และแนะนำดาราและคนในวงการไปเรียนมากมาย จนเรียนจบปริญญาโท อีกทั้งก็ยังทำงานร้องเพลงและนักแสดงเป็นงานอดิเรก แล้วตอนนี้ก็คือชีวิตก็เปลี่ยนไปให้ดีขึ้น คนก็มองว่าทำไมไม่ไปเล่นละครแต่เรากลับมองว่าถ้าไปเล่นอาจจะไม่ใช่เหมือนเดิมแล้ว เพราะว่าเราเคยอยู่ตรงนั้นมาแล้วถ้าเรามาตรงนี้เราเป็นครูสอนเขาหรือว่าให้ความรู้ หรือว่าเป็นคนสนับสนุนน่าจะดีกว่า แต่ถ้ามีบทดีๆ ก็อาจไปเล่นเป็นดารารับเชิญบ้าง แต่ว่าเพลงนี่ยังร้องอยู่ เพลงที่ปัจจุบันนี้ร้องคือเพลง “คีตะราชัน” เพลงของในหลวง
ตอนนี้อาการเป็นอย่างไรบ้าง
“ยังไม่ค่อยเท่าไรนะแต่ว่าดีขึ้น อย่างเวลาพูดไปมากๆ หูมันจะอื้อ ขึ้นเครื่องบินมันจะอื้อร้องเพลงก็ต้องเปิดทำนองดังๆ ใช้ไมค์เสียงดังๆเขาก็ถามดังกว่านี้เพื่ออะไรครับพี่ เราก็บอกว่าเพื่อที่ผมจะได้ร้องเบาๆ แกล้งเขาจริงๆ แล้วเราไม่ค่อยได้ยิน”
ปัจจุบันนี้ทำอะไรบ้าง
“หลังจากที่เรียนจบปริญญาโททั้งสองใบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ได้เป็นอาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเกริก และตำแหน่งสูงสุดในขณะนั้นคือ หัวหน้าสาขาสื่อสารการเมืองบูรณาการ แล้วหลังจากได้หาประสบการณ์เพิ่มเติมโดยไปรับตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำ และประชาสัมพันธ์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม นอกจากนั้นยังเป็นที่ปรึกษาองค์กรการกุศลต่างๆ พร้อมทั้งเป็นรองประธานชมรมเพื่อนสื่อมวลชน รวมถึงเป็นที่ปรึกษาของมูลนิธิพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ แล้วก็มีบริษัทของสตาร์ อิส บอร์น ซึ่งทำอีเว้นท์ และจัดอบรมสัมมนารวมถึงการประกวดในโครงการต่างๆ ปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยต่างๆ สาขานิเทศศาสตร์ รวมถึงเป็นวิทยากรอบรมสัมมนาเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพและการสื่อสารองค์กรรวมถึงเป็นที่ปรึกษาประธานกรรมการบริหารสถาบันพัทยาสตาร์ อคาเดมี่ ร้อง เล่น เต้น เดิน พูด
ในขณะนี้ผมได้มารับตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารของบริษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริหารงานโดย ท่านประธาน ดร.นพรุจ เวชกุล และดร.รัชนี มหานิยม ซึ่งมี คุณพิศิษฐ์ แทนทิว เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และกรรมการบริหารกำกับดูแลควบคุมผมอีกครั้ง โดยหน้าที่ที่รับผิดชอบในเรื่องของการประสานงานองค์กร และงานประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งดูเรื่องการอบรมพัฒนาบุคลากร และของหนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ และส่วนของนีโอทีวีด้วย และผมก็มีพอคเกตบุค “สวัสดีไฮโซ” เล่มหนึ่ง และกำลังจะมีหนังสือ “คัมภีร์วิถีคน” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการคิดแง่บวก วิถีคน เป็นกฎของการที่จะทำชีวิตให้ดีขึ้นนะครับ”
มองวงการบันเทิงปัจจุบันเป็นยังไง
“วงการบันเทิงว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่เราต้องทำให้เขาเคารพรัก ผมมองวงการบันเทิงว่าคนใหม่ๆ หลากหลายทำอย่างไรถึงจะอยู่ในนี้ได้ก็คือเราต้องยิ้มแย้มแจ่มใส เราต้องวางจุดของเราให้เป็น แล้วอีกอย่างหนึ่งเรื่องของการมีสัมมาคารวะการไหว้ การให้เกียรติมันน้อยลง ผมอยากบอกว่าอย่างเมื่อก่อนคนจะเข้ามาวงการบันเทิงได้ต้องมีความสามารถมีคุณภาพจึงจะอยู่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ บุคลากรมันเยอะมากคุณภาพมันน้อยไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะฉะนั้นคนที่โดนผู้ใหญ่อบรมสั่งสอนใกล้ชิดจะประสบความสำเร็จเป็นระดับหนึ่ง อย่างแอน ทองประสม, แพนเค้ก-เขมนิจ หรือแม้แต่ อั้ม-พัชราภา เขาจะรู้ตัวว่าอะไรที่ควรทำไม่ควรทำ โดยที่มีผู้ใหญ่ดูแล หรือแม้กระทั่งผู้จัดการก็ควรจะเป็นคนที่ดูแลให้เขาเป็นคนดีไม่ใช่เป็นคนที่ดีแต่ภายนอกนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วเราจะไม่ทำอะไรที่ผิดๆ ถ้าเราระลึกถึงความถูกต้องเราจะไม่เห็นสิ่งที่ผิด เพราะฉะนั้นอยากให้น้องๆ ไม่ว่าจะเป็นดารา หรือนักข่าว อยากให้เคารพในสิทธิส่วนบุคคล ทำอะไรต่างๆ ก็ขอให้อยู่ที่ตรงกลางกันและกันมันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีของแต่ละสังคมในเรื่องของบรรทัดฐานในการสื่อสารก็เป็นสิ่งที่สำคัญครับ”
ปัจจุบันมีกิจกรรมและโครงการอะไรถึงสาธารณชนบ้าง
“อัพเดทเลยปัจจุบันบริษัทนีโอไลฟ์จะมีการพัฒนาเพื่อต้อนรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ โครงการ
ผลักดันเยาวชนเข้าสู่วงการบันเทิง ในนามนีโอสตาร์โปรเจกท์ ซึ่งจะตัดสินในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ณ เมืองทองธานี ในงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของบริษัท รวมทั้งผมได้รับเลือกเป็นศิลปินตามรอยยุคลบาท เนื่องจากเป็นผู้ขับร้องเพลง คีตะราชัน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะได้รับรางวัลจากองคมนตรี ในวันที่ 28 มกราคมนี้ ณ หอประชุมจุฬาภรณ์ ดีใจที่สุดในช่วงรับปีใหม่นี้คือ ได้ทำงานที่ตัวเองชอบนั่นคือการร้องเพลงเพราะได้รับการคัดเลือกจากศิลปินแห่งชาติ คุณชินกรไกรลาศ ให้ผมได้ขับร้องเพลง “ธงชาติไทย” ซึ่งเป็นผลงานการแต่งเพลงของท่าน ในคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นในวันที่ 20 มกราคมนี้ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นี่คือความภูมิใจสูงสุด
ฝากถึงแฟนๆ
“ผมเองตอนนี้มาดูในเรื่องของการพัฒนาบุคลากร ในเรื่องสื่อสารในเรื่องประชาสัมพันธ์ขององค์กรนะครับ ในการที่จะพัฒนาเครือข่ายงานของเราเรากำลังจะมีการผลักดันเด็กๆ รุ่นใหม่ อยากขอฝากด้วยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ www.pattayastaracademy.com และเพื่อที่จะได้ให้เด็กเยาวชนไทยมีอนาคตที่ดีต่อไป ผมอยากบอกว่า Be Originalจงเป็นผู้ริเริ่ม และเป็นต้นแบบ ถ้าคุณสร้างแผนงานคุณริเริ่มคุณตั้งใจทำ ลงมือทำวันนี้คุณจะได้อย่างที่คุณต้องการโดยที่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณ ทำตัวให้มีประโยชน์ทุกๆ วันนะครับ สวัสดีปีใหม่ครับ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี