30 มิ.ย. 2568 นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง รายงานข่าว Could Cambodia hit the Thai capital with its made-in-China weapons? เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2568 อ้างความเห็นของ ซ่งจงผิง (Song Zhongping) อดีตอาจารย์ประจำกองทัพของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ระบุว่า การส่งออกอาวุธของจีนมีลักษณะเป็นการป้องกัน และหลังจากซื้อแล้ว สิทธิ์การเป็นเจ้าของและการใช้งานจะเป็นของประเทศผู้รับโดยสมบูรณ์
“จีนไม่อยากเห็นมิตรเก่าแก่ 2 ประเทศของตนทำสงคราม แม้จะเกิดจากข้อพิพาทเรื่องดินแดนก็ตาม โดยจีนจะพยายามอำนวยความสะดวกในการเจรจาและการหยุดยิง ซึ่งไทยเป็นทั้งมิตรเก่าแก่ของจีนและพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐอเมริกา ในขณะที่กัมพูชาก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน” ซ่ง กล่าว
ความเห็นของนักวิชาการจีนท่านนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2568 ฮุน เซน (Hun Sen) ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้ออกมาอ้างว่า กัมพูชามีอาวุธที่ยิงได้ไกลถึงกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย ท่ามกลางความตึงเครียดของทั้ง 2 ประเทศ หลังเกิดเหตุปะทะกันทางทหารเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ในจุดที่เรียกว่า “สามเหลี่ยมมรกด” และมีทหารกัมพูชา 1 นาย เสียชีวิตจากการปะทะกันครั้งนี้
จีนเป็นแหล่งอาวุธสำคัญของทั้งสองประเทศ แต่ซ่งกล่าวว่ากัมพูชาไม่สามารถคุกคามเมืองหลวงของไทยด้วยระบบจรวดหลักที่จีนผลิตได้ นอกจากนั้น กัมพูชายังขาดเครื่องบินขับไล่ที่สามารถบรรทุกขีปนาวุธพิสัยไกล อีกทั้งงบประมาณด้านกลาโหมของกัมพูชาอยู่ที่ประมาณเพียง 1 ใน 10 เมื่อเทียบกับไทย ดังนั้นแล้วศักยภาพทางทหารของไทยแข็งแกร่งกว่ากัมพูชามาก
ตามข้อมูลของสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม จีนแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ที่สุดของไทย โดยคิดเป็นประมาณร้อยละ 44 ของการนำเข้ายุทโธปกรณ์ทางการทหารของไทย ขณะที่สื่อท้องถิ่นของกัมพูชาอย่าง นสพ.Phnom Penh Post รายงานว่า อาวุธที่มีในกัมพูชา ร้อยละ 95 อาจมาจากจีน ซึ่งสะท้อนภาพการพึ่งพาจีนของกัมพูชา ในด้านการทหารอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ซ่ง ย้ำว่า จีนไม่กำหนดเงื่อนไขหรือควบคุมการใช้อาวุธที่ขายให้ประเทศอื่นอย่างที่สหรัฐฯ ทำ
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า มีการคาดเดาที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าสหรัฐฯ ได้จำกัดการใช้เครื่องบินทหารที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ของอินเดียในความขัดแย้งครั้งล่าสุดกับปากีสถานในประเด็นแคชเมียร์ โดยเมื่อเดือน พ.ค. 2568 มีรายงานว่ากองทัพปากีสถานใช้เครื่องบิน J-10CE ขีปนาวุธ และระบบอาวุธที่ผลิตโดยจีนในการยิงเครื่องบิน Rafale ที่ผลิตโดยฝรั่งเศสของกองทัพอินเดียตกหลายลำ
ซ่ง อธิบายข้อแตกต่างระหว่างเหตุพิพาทอินเดียกับปากีสถาน กับเหตุพิพาทไทยกับกัมพูชา ว่า ในกรณีของอินเดียกับปากีสถาน มีความแตกต่างทางศาสนาอย่างหยั่งรากลึก ส่วนไทยกับกัมพูชานั้นประชากรส่วนใหญ่ของทั้ง 2 ประเทศนับถือศาสนาพุทธ จึงไม่ได้มีความขัดแย้งทางศาสนาแต่อย่างใด และข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา ต้นตอก็มาจากสิ่งที่ฝรั่งเศสทิ้งไว้ตั้งแต่ยุคอาณานิคม อย่างไรก็ตาม ตนย้ำว่าจีนยังคงแนะนำให้ประเทศทั้ง 2 ใช้ความยับยั้งชั่งใจและแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจา
ทั้งนี้ จีนไม่น่าจะยืนหยัดอยู่เฉยๆ หากความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความขัดแย้งทางทหาร อย่างไรก็ตาม สถาบันไกล่เกลี่ยระหว่างประเทศที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นในฮ่องกงสามารถมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าด้วยอาวุธได้ ซ่งยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า จุดยืนของจีนสอดคล้องกับผลประโยชน์ที่กว้างขึ้นของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพราะความขัดแย้งใดๆ ภายในกลุ่มจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภูมิภาค
“นอกเหนือจากจีนแล้ว อาเซียนเองก็มีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมในความพยายามไกล่เกลี่ยด้วยเช่นกัน” ซ่ง กล่าว
รายงานของสื่อฮ่องกง ทิ้งท้ายว่า พื้นที่หลายแห่งระหว่างไทยและกัมพูชา รวมถึงสามเหลี่ยมมรกต ไม่ได้มีการทำแผนที่อย่างเพียงพอเมื่อมีการลงนามสนธิสัญญาเมื่อกว่าศตวรรษก่อน ส่งผลให้มีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกัน โดยเมื่อปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก ได้ตัดสินให้กัมพูชาชนะคดีปราสาทพระวิหาร และในปี 2556 ศาลโลกได้ยืนยันคำตัดสินดังกล่าวอีกครั้งโดยสั่งให้จัดตั้งเขตปลอดทหารและถอนทหารทั้ง 2 ฝ่าย
ซึ่งจากกรณีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 ก็ทำให้ไทยปฏิเสธยอมรับอำนาจศาลโลก โดยยืนกรานให้มีการเจรจาทวิภาคีผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) แทน อย่างไรก็ตาม แม้จะก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ 2543 แต่กลไก JBC ไม่ค่อยมีความคืบหน้ามากนักในการแก้ไขความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี